หาไอเดียใหม่ๆ มาใส่ในงานการตลาด ได้อย่างไรบ้าง?

  • 423
  •  
  •  
  •  
  •  

งานการตลาด เราต้องการไอเดียที่สดใหม่ มาใส่และปรับใช้งานตลอดเวลาใช่ไหมคะ วันนี้เลยอยากมาคุยแลกเปลี่ยนกันว่า คุณจะหาไอเดียใหม่ๆจากไหนได้บ้าง

 

1. จากลูกค้า

ต้องถามนักการตลาดว่าคุณเจอลูกค้าตัวเป็นๆ บ่อยแค่ไหน เพราะว่าลูกค้าจะเป็นแหล่งข้อมูลชั้นดี ที่ทำให้เห็นว่า สินค้าและบริการของเราจะพัฒนาต่อไปได้อย่างไรบ้าง ด้วยการเข้าใจ insight หมายถึงความพฤติกรรมและความนึกคิดที่มีต่อสินค้าของเราใน เพื่อหาไอเดียใหม่ๆ โอกาสใหม่ๆ ทางการตลาด

  • ลูกค้าของเราเอง การเข้าใจพฤติกรรมและความนึกคิดของลูกค้าปัจจบัน คือเรื่องสำคัญ เช่น แบรนด์เครื่องดื่มชนิดหนึ่ง เคยศึกษาว่าลูกค้าปัจจุบันดื่มเครื่องดื่มแค่สัปดาห์ละครั้ง นักการตลาดจึงหา insight เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆในการดื่ม แล้วออกเคมเปญสื่อสารเพื่อเชื่อมโยงกับโอกาสในการดื่มที่หลากหลาย จนปรับพฤติกรรมจากสัปดาห์ละครั้งหลายครั้งได้ แค่นี้ก็เพิ่มยอดขายได้หลายเท่าตัว ดังนั้น คุณจงมีเวลากับการเข้าใจลูกค้าเยอะๆนะคะ
  • ลูกค้าที่ไม่ซื้อของเรา ต้องตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น การเข้าใจปัญหาที่แท้จริง จะนำสู่โอกาสทางการตลาดของเรา เช่น โรงภาพยนตร์เมเจอร์ที่มีลูกค้ากลุ่ม family ที่เขาทำตลาดไม่ค่อยได้เลย เพราะคนกลุ่มนี้มีลูกเล็กและไม่สะดวกในการพาลูกเล็กเข้าโรงภาพยนตร์อีก จนทำให้ Major สร้างปรากฎการณ์ใหม่ คือมี Family Theater สำหรับกลุ่มครอบครัว ที่พ่อแม่ดูหนัง แล้วลูกนั่งเล่นสวนสนุกเล็กๆพร้อมกับการดูหนังได้ ทำให้ major ได้ลูกค้ามาทั้งครอบครัวเลย ดังนั้นจงมองลูกค้าที่เรายังขายไม่ได้ด้วยนะคะ  การเข้าใจปัญหาของเรา คือโอกาสของเรา

ดังนั้นเวลาทำแผนการตลาด หรือ Brand Plan อย่านั่ง brainstorm กันใน office สิ่งที่คุณต้องมีคือ การเข้าใจลูกค้า เพื่อหาไอเดียไปทำงานต่อในทิศทางที่ถูกต้อง

2. จากคู่แข่ง

การมองคู่แข่งเป็นเรื่องที่สำคัญ เราต้องสังเกตว่าถ้าลูกค้าไม่ซื้อเราลูกค้าซื้ออะไร และการมองคู่แข่ง แต่ต้องมองให้เป็นด้วย เรามองเพื่อเรียนรู้ว่าเขาทำอะไรบ้าง น่าสนใจหรือไม่น่าสนใจอย่างไร ไม่ได้มองเพื่อเลียนแบบ แต่มองเพื่อเข้าใจเขา แล้วพัฒนาให้ดีกว่า แตกต่างกว่า

  • เช่น Lineman และ Grab delivery ที่มีความคล้ายกันมาก แต่คุณเห็นไหมค่ะ ว่าเขากำลังแข่งกันเรื่องการมี signature menu เป็นของตัวเอง เพื่อสร้างความแตกต่างในการแข่งขัน จึงเป็นเหตุผลที่เราต้องมองคู่แข่งเพื่อสร้างความแตกต่างที่เหนือกว่าอยู่เสมอ

แต่แบรนด์ที่เป็นผู้นำ ต้องหาวิธีที่เรียนรู้แล้วปรับใช้โดยสร้างความแตกต่าง ในขณะที่แบรนด์ที่เป็นผู้ตามจะทำตามหรือลอกอย่างเดียวอันนี้ไม่ได้นะคะ

3. จากการมองอุตสาหกรรมอื่นๆนอกสนามของคุณ

บางครั้งหากคุณมองแต่อุตสาหกรรมของตนเอง มุมมองนี้ก็เป็นกับดักของความคิดสร้างสรรค์ได้เช่นกันนะคะ เพราะว่าเราจะไม่มีทางได้คิดสิ่งใหม่ๆให้เกิดขึ้นในวงการ

เพราะถ้าเรารอให้วงการเรามีขึ้นมาก่อน แล้วเราค่อยทำ แสดงว่ามันไม่ใช่สิ่งใหม่ซิ คนที่อยากเป็นที่หนึ่งต้องริเริ่มทำสิ่งใหม่คนแรก ไม่ใช่ทำตามคู่แข่งขัน ดังนั้นการมองธุรกิจอื่นๆคือการแรงบันดาลใจใหม่ๆที่ดีมากเลย

ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณอยากได้ลูกค้าในระดับบน ที่มีกำลังซื้อ ให้เริ่มจากลองสังเกตดูนอกวงการ ว่าแบรนด์ไหนที่เขาทำได้ดีบ้างในการเจาะกลุ่มลูกค้านี้แล้วเขาทำอย่างไร  มาศึกษาวิเคราะห์ แกะข้อเรียนรู้ แล้วนำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของคุณดู คุณจะเห็นแรงไอเดียใหม่ๆมากมาย

4. จากการอ่านติดตามข่าวสาร และความรู้รอบโลก

นักการตลาดต้องมีนิสัยที่ไม่หยุดเรียนรู้ คุณจงหิวที่จะเรียนรู้เรื่องใหม่ๆตลอดเวลา จงทำให้การเรียนรู้เป็น “อุปนิสัย” ไม่ใช่เรียนรู้เฉพาะตอนอบรมหรือสัมมนา นั้นคือแบบ “ชั่วคราว” ซึ่งไม่เพียงพอในยุคนี้ ที่โลกหมุนไวมาก

เทคนิคในการสร้างอุปนิสัยของการเรียนรู้คือ

  • ตั้งเป้าหมายและกำหนดเวลาชัดเจนในแต่ละวันในการอ่านหรือเรียนรู้
  • ทำให้ความรู้ อยู่ใกล้ๆตัวคน และเสพง่ายๆ เช่น ตั้ง See first ในเพจที่คุณชอบอ่าน พกพา หนังสือหรือKindleไปกับคุณ ขโมยเวลาว่างๆเล็กในการอ่านระหว่างวัน
  • การสมัครเข้าถึงแหล่งความรู้ที่มีคุณภาพ เช่น HBR หรือ แอฟ Blinklist ที่สรุปหนังสือทั่วโลกมาให้คุณอ่านแบบย่อๆ (มีอีกหลายแอฟที่ให้บริการประมาณนี้นะคะ)

5. จากการเจอคนเก่งๆหรือคนที่เชี่ยวชาญด้านนั้นๆ

เราเชื่อว่าชีวิตคนจะเป็นแบบไหน ขึ้นกับสิ่งแวดล้อมที่คุณอยู่ สิ่งที่คุณเห็น คุณเจอทุกวัน จะมีผลกับชีวิตของคุณมากๆ

การมีความรู้หรือมุมมองใหม่ๆคือสิ่งสำคัญมากในยุคนี้ จงนำพาตัวคุณไปเจอคนที่เก่งๆ คนที่ลงมือทำจริง เคยเจ็บมากจริง ไม่ใช่แค่นักพูดให้แรงบัลดาลใจ คุณต้องมีโอกาสไปเจอคน ที่เปิดมุมมองใหม่ๆที่คุณไม่เคยเห็นบ้าง

หลายครั้งแค่เจอคำแนะนำที่ใช่เพียงเรื่องเดียว ทำให้คุณมีทางออกที่ไม่เคยนึกถึงมาก่อนเลยก็ได้ ดังนั้นจงเอาตัวไปใกล้คนที่เขาเก่งกว่า มีประสบการณ์มากมากว่า โดยเฉพาะในมุมที่คุณขาดบ้างนะคะ

ใครอยากทราบเทคนิคเชิงลึกในแต่ละประเด็นมาคุยกันได้นะคะ เพราะว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ลองใช้เทคนิคทั้งหมดนี้กับงานการตลาดของคุณได้

การลงทุนด้านความรู้ คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด คุณได้ลงทุนเต็มที่แล้วยังคะ ?

 

 

เขียนโดย บังอร สุวรรณมงคล
ผู้ก่อตั้งบริษัท Hummingbirds ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการวางแผนการตลาดเชิงกลยุทธ์โดยผ่านงานวิจัยการตลาด

อ่านบทความ Exclusive Insider เพิ่มเติมได้ที่นี่

Copyright © MarketingOops.com


  • 423
  •  
  •  
  •  
  •  
Bangorn Suwanmonkol
คุณบังอรหลงใหลในการวางแผนการตลาดเชิงกลยุทธ์ เพราะเชื่อว่า Strategy สำคัญกว่า Tactic ปัจจุบันคุณบังอร เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Hummingbirds ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการวางแผนการตลาดเชิงกลยุทธ์ โดยผ่านงานวิจัยการตลาด