ช่วงเดือนธันวาคมเป็นช่วงแห่งการช้อปปิ้งออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นเทศกาล 11 11 หรือ 12 12 ของอาลีบาบาแต่ Vipshop ก็มีส่วนลดเช่นเดียวกัน ตั้งแต่ต้นเดือนมามีแบรนด์ดังมากกว่า 5,000 แบรนด์ร่วมลดราคาพิเศษสำหรับผู้ใช้เว็บไซต์นี้ที่มีมากถึง 60.5 ล้านคน
ขณะนี้ Vipshop เป็นอีคอมเมิร์ซอันดับที่สามของจีนที่มีส่วนแบ่งการตลาดถึง 3.2% ตามหลังอาลีบาบาและ JD ซึ่งทั้งสองอันดับแรกนั้นมีส่วนแบ่งการตลาดถึง 86% ที่น่าสนใจคือ Vipshop นั้นมีผู้ใช้ประจำมากขึ้นกว่าปีที่แล้วถึง 22% และในไตรมาส 3 ปี 2017 มีกำไรเพิ่มขึ้นถึง 19.4% รวมเป็น 3,500 ล้านหยวน หรือ 17,500 ล้านบาทเลยทีเดียว
และเนื่องด้วยตัวเลขที่น่าสนใจนี้เองทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Tencent เจ้าของแอพพลิเคชั่นชื่อดังและเกมชั้นนำหลายตัวรวมทั้ง WeChat, QQ, Joox, RoV และถือหุ้นใน JD.com ได้มีการประกาศว่าทางบริษัทจะลงทุน 863 ล้านดอลล่าร์ (28,000 ล้านบาท) ในแพลตฟอร์ม Vipshop นี้
ถึงขณะนี้ยังไม่มีใครทราบว่าทำไม Vipshop ซึ่งเคยเป็นสตาร์ทอัพเล็ก ๆ ที่เริ่มมาจากเมืองกวางโจ สามารถเติบโตได้รวดเร็วและก้าวกระโดดขนาดนี้ ในการลงทุนครั้งนี้ถือว่าเป็นก้าวสำคัญที่ทาง Tencent และ JD.com ที่จะสู้กับยักษ์ใหญ่อาลีบาบา แม้ส่วนแบ่งการตลาดของ Vipshop ดูเหมือนจะไม่เยอะมากเมื่อเทียบกับส่วนแบ่งของ JD.com แต่ข้อดีของ Vipshop ก็มีไม่น้อยทีเดียว
คุณริชาร์ด หลิว CEO ของ JD ได้กล่าวถึงความสำคัญของการลงทุนครั้งนี้ไว้ว่า การรวมตัวกันครั้งนี้เป็นการขยายกลุ่มลูกค้าและผลิตภัณฑ์ของ JD เนื่องจากว่าจุดแข็งของ JD นั่นก็คือกลุ่มผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กและพวกของใช้ทั่วไป ซึ่งจะแตกต่างกับทาง Vipshop ที่เน้นด้านแฟชั่น โดยดึงดูดลูกค้าด้วยส่วนลดของแบรนด์ดังต่างๆและการตลาดที่เน้นใช้ดาราและบล็อกเกอร์เป็นหลัก เมื่อเทียบกำไรส่วนต่างต่อชิ้นของ Vipshop กลับของแพลตฟอร์มอื่น ๆ แล้ว Vipshop ชนะขาดลอยเลย
แม้แต่ทาง JD มีผู้ใช้สม่ำเสมอมากถึง 250 ล้านคน และในขนาดนี้มีสัดส่วนการใช้ของผู้หญิงมากกว่าผู้ชายก็ตามแต่การซื้อส่วนใหญ่ยังมาจากผู้ชายอยู่ ซึ่งของทาง Vipshop ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงซึ่งเป็นฐานลูกค้าที่ทาง JD อยากจะเข้าถึง
นอกจาก JD ที่ได้ประโยชน์จากการลงทุนครั้งนี้บริษัท Tencent ยังได้ประโยชน์เช่นเดียวกัน จากปีที่ผ่านมาทางบริษัท Tencent ต้องการที่จะเพิ่มฟังก์ชันและบริการใหม่ๆผ่านทาง WeChat เพื่อให้บริการกับผู้ใช้แอพพลิเคชั่นนี้ซึ่งมีมากกว่า 800 ล้านคน ในปัจจุบันได้เชื่อมต่อกับ JD.com เป็นที่เรียบร้อยแล้วทำให้ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายการที่ซื้อ Vipshop ก็จะทำให้สามารถเพิ่มสินค้าจำพวกแฟชั่นและ Luxury สำหรับผู้ใช้แอพฯ ได้ทันที
การลงทุนครั้งนี้สร้างประโยชน์กันทุกฝ่ายและเป็นก้าวสำคัญในการต่อกรกับยักษ์ใหญ่อาลีบาบา แต่การรบครั้งนี้ยังคงไม่จบลงง่ายง่ายเพราะนี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะทางอาลีบาบาก็มีอาวุธติดตัวไม่น้อยเหมือนกันไม่ว่าจะเป็น Alibaba Luxury Pavilion หรือ Mei.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์แฟชั่นเหมือน Vipshop อีกทั้งจำนวนผู้ใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของอาลีบาบาก็ไม่น้อยเลยทีเดียว
เราคงต้องดูกันต่อไปว่าสองยักษ์ใหญ่นี้จะต่อกรกันอย่างไรทั้งในและต่างประเทศ แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ใครจะเป็นผู้ชนะเราในฐานะผู้ประกอบการไทยก็ได้ผลพลอยได้ที่ดีไปตาม ๆ กัน เพราะยิ่งมีคนซื้อในแพลตฟอร์มต่าง ๆ มีมากขึ้นเท่าไหร่ก็ย่อมเป็นโอกาสในการขายสินค้าและผลิตภัณฑ์ของไทยสู่ประเทศจีนได้มากขึ้นเท่านั้น หน้าที่ของเราเพียงก็คือต้องศึกษา เตรียมความพร้อมด้านข้อมูลความรู้และการโปรโมทให้มากพอเพื่อคว้าโอกาสตลาดจีนมาไว้ในกำมือให้สำเร็จ
ส่วนใครมีคำถามเพิ่มเติมหรือประสบการณ์ที่อยากแชร์คอมเม้นต์มาได้ข้างล่างนี้เลยนะครับ
เขียนโดย อิทธิชัย อรรถกระวีสุนทร
Expertise: China Marketing
อ่านบทความ Exclusive เพิ่มเติมได้ที่นี่
Copyright © MarketingOops.com