เกริ่นการลงทุนในประเทศไทยที่ทำได้โดยผ่านตัวกลางในตลาดต่างๆ อย่างที่คนไทยโดยทั่วๆ ไปมักคุ้นชินกันมาก็คงหนีไม่พ้น “ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)” หรืออาจจะมีการเทรดหรือซื้อขายทองคำกันบ้างประปราย
ขณะเดียวกันตลาดของ Digital currency ที่ถูกนับว่าเป็นหนึ่งในตลาดหน้าใหม่ของประเทศไทยที่เพิ่งเป็นที่รู้จักและเปิดเทรดในประเทศในช่วงเพียง 5-6 ปีมานี้เท่านั้น แต่ก็ได้รับความสนใจต่อนักลงทุนในไทยมากพอสมควรแม้จะยังไม่แพร่หลายนัก รวมไปถึงการได้รับความสนใจจากหน่วยงานภาครัฐถึงขนาดมีการออกมาตรการในการคุ้มครองผู้บริโภคและนักลงทุนในไทยออกมา หรือที่เรียกว่า “พรบ.สินทรัพย์ดิจิทัล” อย่างที่เราพอคุ้นหูคุ้นตากัน
สำหรับในส่วนของต่างประเทศนั้น สินทรัพย์ดิจิทัลค่อนข้างได้รับความนิยมในการลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาวมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว ชนิดที่ภาครวมของตลาดมีมูลค่าทะยานไปสูงถึง $366,159,300,843 (ข้อมูล ณ สิงหาคม 2563) เมื่อมีกระแสการซื้อขายที่สูงมากและเรื่องเริ่มมาถึงหูนักลงทุนในไทยส่งผลให้มีการพูดถึงกระสเหรียญเหล่านี้อย่างกว้างขวางมากขึ้น
ทว่าท่ามกลางความใหม่ของตลาดเหล่านี้ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงลิบเช่นกัน ทั้งในส่วนของความผันผวนของราคา ทั้งความเสี่ยงในเรื่องของโปรเจคหลอกลวงกินเงินนักลงทุน หรือพูดกันตรงๆ ก็คือ สำหรับหน้าใหม่การที่จะลงทุนในตลาดนี้ให้รอดก่อนช่วงที่ภาครัฐจะลงมา Take Action จริงจัง นักลงทุนกลุ่มนี้ถือเป็นเหยื่ออันโอชะของกลุ่มมิจฉาชีพ ที่ผุดโปรเจคหลอกเอาเงิน จับแพะชนแกะเยอะเป็นดอกเห็ด
เมื่อนักลงทุนประหม่าในความเสี่ยงของการลงทุน เป็นการเปิดช่องให้การใช้บริการโบรคเกอร์เป็นอีกตัวเลือกสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
สำหรับในประเทศไทยนั้นจำนวนของนักลงทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลหลักแสนคนต้นๆ ขณะที่จำนวนของนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้นมีมากถึง 4-5 ล้านคน จะเห็นได้ว่าตลาดแห่งนี้โอกาสในการเติบโตยังมีอยู่อีกมาก
ด้วยมีนักลงทุนที่ลงทุนอยู่ในตลาดโลกเก่าเช่นตลาดหุ้นของประเทศไทยอยู่แล้วจำนวนมหาศาลแต่เนื่องด้วยความกังวลในเรื่องของ ความเสี่ยงและมูลค่าความผันผวนในตลาดที่ไม่แน่นอน ครั้นหากนักลงทุนจะเริ่มศึกษาใหม่จากศูนย์ก็มีความกังวลว่าจะช้าเกินไปสำหรับการลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล การเลือกใช้บริการรผู้โบรคเกอร์ในการดูแลพอร์ตก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี เปรียบเสมือนการมีทีมงานและนักลงทุนมืออาชีพเป็นผู้คอยดูแลและบริหารจัดการความเสี่ยงในการลงทุนเหรียญดิจิทัลเหล่านี้มาแล้วเป็นอย่างดี ทั้งนั้นการเลือกโบรคเกอร์ที่ให้บริการดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้ควรเลือกในรายที่มีใบอนุญาต ได้รับการยอมรับ และมีชื่อเสียงจะดีที่สุด
ก้าวที่สำคัญของวงการลงทุนในประเทศไทย
สำหรับในประเทศไทยเองนั้นเมื่อไม่นานมานี้ ก็เพิ่งมีข่าวใหญ่เรื่องการประกาศการจับมือร่วมกันระหว่างเว็บไซต์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลชื่อดังแห่งประเทศไทย Bitkub.com ร่วมกับบริษัทโบรคเกอร์ยักษ์ใหญ่ Trinity ด้วยการเล็งเห็นศักยภาพในการเติบโตของตลาด และเล็งเห็นถึงสิทธิประโยชน์ของผู้ใช้บริการ เพื่อช่วยให้นักลงทุนไม่พลาดโอกาสทองในการทำกำไร ด้วยทางบริษัทหลักทรัพย์เองก็เล็งถึงความสำคัญในการแนะนำและคอยดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด รวมถึงคอยให้ความรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล ให้แก่ลูกค้ารายเก่าและนักลงทุนทั่วไปอีกด้วย
แนวโน้มมูลค่าตลาดที่อาจเพิ่มขึ้นได้อย่างมหาศาล
โดยการร่วมมือระหว่างบริษัทชั้นนำทั้งสองขั้วนี้ถือเป็นการเปิดทางให้นักลงทุนในแบบเดิมๆ มีความมั่นใจยิ่งขึ้นที่ก้าวขาเข้ามาสู่การลงทุนรูปแบบใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น ที่อย่างน้อยนักลงทุนที่รู้สึกว่ายังใหม่กับตลาดนี้อยู่มากสามารถเข้าไปใช้บริการและมีผู้คอยช่วยให้คำปรึกษาดูแลที่ค่อนข้างคุ้นชิน ด้วยรูปแบบการบริการมาตรฐานแบบมืออาชีพที่เคยดูแลลูกค้าในตลาดหลักทรัพย์
สำหรับกระแสในอนาคตบริษัทหลักทรัพย์ที่ไหนจะก้าวเข้ามามีบทบาทในวงการสินทรัพย์ดิจิทัลอีกนั้นก็ต้องคอยติดตามข่าวสารกันต่อไป แต่สิ่งหนึ่งที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นตามมาคือความคึกคักในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเมืองไทยที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากจำนวนผู้เล่นมือฉมังจากตลาดหุ้นที่จะก้าวสู่ตลาดนี้นั่นเอง
เขียนโดย จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา
Expertise: Blockchain & FinTech
อ่านบทความ Exclusive เพิ่มเติมได้ที่นี่