สูตรลับ สร้าง Conversion Rate ให้ E-mail Marketing สูงขึ้น

  • 19
  •  
  •  
  •  
  •  

 

การทำ e-mail marketing นั้น นับว่าเป็นการทำการตลาดแบบ Data Driven ที่ใช้ประโยชน์จาก 1st Party Data ได้ง่ายที่สุดอย่างมาก เพราะสามารถเอาข้อมูลที่เคยเก็บจากลูกค้ามาเล่นลูกเล่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การ Remind ให้ซื้อของ, การทำ Personalise Marketing หรือแค่ง่ายๆ ก็เป็นการทำการโปรโมทโปรโมชั่นที่มีต่างๆ เพื่อกระตุ้นยอดขายเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามไม่ใช่แค่การมี Data และการทำ E-mail Marketing ไปแล้วจะประสบความสำเร็จได้ เพราะในความเป็นจริงแล้ว นักการตลาดหรือคนทำแบรนด์หลายๆ คน ยังใช้วิธีแบบเดิมในการส่ง e-mail ไป ทำให้ยอด Conversion Rate นั้นต่ำ และทำให้รู้สึกว่า การทำการตลาดผ่าน E-mail Marketing แบบทั้งที่มี Data หรือไม่มี Data นั้น ไม่ได้ผล จนล้มเลิกไป ซึ่งจริงๆ แล้ว E-mail Marketing นั้นลงทุนต่ำมาก และเป็น Channel ที่เข้าถึงลูกค้าได้ง่าย ถ้าทำได้อย่างถูกต้อง และเข้าถึงได้ทุกๆ อุปกรณ์

 

 

ทั้งนี้ทั่วโลกมีคนใช้ E-mail กว่า 4 พันล้านฉบับต่อวัน จากการวิจัยของ SaleCycle คนกว่า 50% นั้นซื้อของจากการที่ได้อ่าน E-mail อย่างน้อย 1 ครั้งต่อเดือน ทั้งนั้นการทำ E-mail Marketing ให้ถูกต้องนั้นจะช่วยเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการตลาดที่จะช่วยสร้างรายได้ และรักษาลูกค้าเอาไว้ ซึ่งในบทความนี้จะแนะนำสูตรลับ ในการสร้าง Conversion Rate ให้ E-mail Marketing สูงขึ้น

 

1. การทำการตลาดแบบ Season, ส่วนลด และรางวัลที่หลากหลาย

จริงๆ นักการตลาดต้องวางแผนล่วงหน้าว่า จะทำการส่ง E-mail เมื่อไหร่ และอย่างไร โดยเฉพาะเมื่อใกล้วันเทศกาล ควรจะมีการเตรียมตัวล่วงหน้าว่าจะส่งอีเมล์ในช่วงนั้นอย่างไรดี เพราะทุก ๆ แบรนด์ก็จะกระหน่ำการส่งอีเมล์ ทำให้ผู้รับเกิดการ overload ของอีเมล์จนทำให้ไม่สนใจได้ และลบหลาย ๆ อีเมล์ทิ้งไป สิ่งที่เป็นเคล็ดลับในการวางแผนเอาชนะแบรนด์อื่นก็คือ การส่งก่อนเวลาที่จะถึงงานเทศกาล เช่น 2 สัปดาห์ล่วงหน้า เพื่อให้อีเมล์ไม่ถูกกลืนกับอีเมล์เทศกาลอื่นๆ พร้อมทั้งการสร้างการดึงดูดด้วยการบอก ส่วนลดที่น่าสนใจ ในอีเมล์ไปเลย และกระตุ้นให้ทำการสั่งซื้อทันที

หากยังไม่เกิดการสั่งซื้อ แบรนด์สามารถส่งอีเมล์กระตุ้นฉบับที่ 2 ออกไป ในสัปดาห์ต่อมา เพื่อทำให้เกิดการเตรียมตัวสำเร็จวันเทศกาลได้ และในวันเทศกาล ก็บอกส่งอีเมล์ว่าสินค้าได้จัดส่งแล้ว เพื่อให้รับรู้ว่าสินค้าที่สั่งซื้อได้ส่งทันงานเทศกาลที่ตั้งใจไว้ นอกจากนี้การมี Reward ที่แตกต่างกันในการสั่ง ทำให้คนที่จะสั่งจะ Pick and Choose รางวัลที่ดีที่สุดของตัวเองขึ้นมาซึ่งเป็นการสร้าง Conversion Rate ขึ้นได้

 

2. ทำให้สม่ำเสมอ แต่ ไม่ถี่เกินไป

ปัญหาของการส่ง E-mail Marketing ที่ไม่ได้ผล และทำให้หลายๆ อีเมล์ทางการตลาดนั้นถูกลบทิ้ง หรือถูกจัดให้เป็น Spam โดยลูกค้าที่จะรับอีเมล์จากแบรนด์ นั้น เกิดจากความถี่ที่ส่งอีเมล์ขึ้นมา การทำ E-mail Marketing ที่ดีนั้น คือการส่ง e-mail ที่มีความสม่ำเสมอ แต่ไม่ถี่จนเกินไป จากการวิจัยพบว่าแบรนด์ไม่ควรส่งอีเมล์เกิน 5 ฉบับต่อสัปดาห์ เพราะจะทำให้ ลูกค้ารู้สึกรำคาญได้ แต่นั้นเป็นกรณีโดยทั่วไป

สิ่งที่แบรนด์ต้องทำคือการจำแนกลูกค้าออกมาว่า ใครคือคนที่ปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์เยอะสุด กลุ่มนี้ควรได้อีเมล์สม่ำเสมอและส่งอีเมล์เกิน 5 ฉบับต่อสัปดาห์ แต่ถ้าลูกค้าไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์มาก ก็ไม่ควรต้องได้รับอีเมล์จำนวนมากเท่ากับคนที่ปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์เยอะ ๆ เผื่อป้องกันการรำคาญและการเลิกเป็นส่วนหนึ่งกับแบรนด์ไป

 

3. ทำ Personalisation ให้ฉลาด

แน่นอนในยุคนี้ที่ Personalisation เป็นกุญแจสำคัญในการทำการตลาด แต่การทำ Personalisation ให้ฉลาดนั้นเป็นส่วนสำคัญอย่างมาก เพราะจะทำให้เกิดลูกเล่นมากกว่าการทำ Personalisation ปกติ โดยการอาจจะให้ใส่ข้อมูลอื่นๆ กลับมา เพื่อให้ระบบสามารถส่ง อีเมล์ที่เป็น Personalisation ในเหตุการณ์สำคัญๆ ต่างๆ เผื่อไม่ไห้เราลืมได้ เช่น วันแต่งงาน วันคบกันเป็นแฟน หรือวันเกิด เพื่อให้อีเมล์ส่งไปเตือนและนำเสนอโปรโมชั่นที่เหมาะกับวันสำคัญของคนรอบตัวได้

การทำ Personalisation ไม่ได้จำเป็นว่าจะต้อง Personalisation กับลูกค้าส่วนเดียวไป แต่สามารถคิดไปถึงคนรอบๆ ตัวลูกค้าก็ได้ ทำให้แบรนด์ดูใส่ใจลูกค้าและช่วยลูกค้าในการที่จะสามารถจำวันพิเศษต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อีกด้วย และยังได้เตรียมตัวล่วงหน้าสำหรับวันที่พิเศษเหล่านี้


  • 19
  •  
  •  
  •  
  •  
Molek
Head of Strategic Marketing ใน Integrated Service Agency ที่หนึ่ง ผู้หลงใหลในหลาย ๆ ที่มีความอยากรู้และเรียนรู้ในเรื่อง Startup, นวัตกรรม, การตลาด จากมุมมองหลาย ๆ ด้านและวัฒนธรรมของแบรนด์ต่าง ๆ