แม้จะเข้าปี 2021 สหรัญอเมริกาภายใต้การนำของ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน จะขึ้นมาครองตำแหน่ง แต่ดูเหมือนสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐยังคงดำเนินต่อไป แม้ภายนอกจะดูเหมือนผ่อนคลายท่าทีลง ตามที่หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่าจะมีการใช้ Soft Power มากขึ้น แต่ดูเหมือนว่าท่าทีของสหรัฐภายใต้การนำของ ไบเดน กลับยิ่งมีลักษณะที่ดำเนินการเพื่อต่อต้านจีนในมิติอื่นๆมากขึ้นอย่างน่าสนใจ
หากเราย้อนกลับไปดูรายงานในปี 2020 ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่านี่คือปีสำคัญของหลายประเทศทั่วโลกที่ต่อไปจะถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นผลจากการระบาดของโควิด-19 ที่ได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจทั้งหมด แต่ทั้งสองประเทศก็ยังคงเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ และแม้ว่าฉากหน้าพวกเขาจะตีกัน แต่เบื้องหลังก็ยังคงเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของโลก ทั้งในด้านการส่งออกและนำเข้า
โดยในเดือน พฤศจิกายน 2020 ที่ผ่านมา มีรายงานเกี่ยวกับการค้าระหว่างสหรัฐและจีน พบว่ามีมูลค่ามากถึง 2.8 แสนล้านเหรียญ ถึงแม้ว่าในภาพรวมแล้วจะลดลงหากเทียบกันปีต่อปี โดยลดลงราว 18% จากในปี 2019 มีมูลค่าถึง 3.4 แสนล้านเหรียญ โดยในของส่วนการส่งออกจากสหรัฐไปจีนอยู่ที่ 1.1 แสนล้านเหรียญ ในขณะที่การนำเข้าจากจีนอยู่ที่ 3.9 แสนล้านเหรียญ จากตัวเลขนี้แสดงให้เห็นถึงการขาดดุลของสหรัฐที่มีต่อจีนในปลายปี 2020
แล้วจีนกับสหรัฐ ส่งออกและนำเข้าสินค้าอะไรกันมากที่สุด ในช่วงเวลานี้
ทั้งนี้ตามรายงานเกี่ยวกับ การนำเข้าสินค้าระหว่างสองประเทศ มีการระบุว่า สินค้ากลุ่มที่สหรัฐนำเข้าจากจีนมากที่สุด ได้แก่
- ผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์
- อุปกรณ์มือถือ
- ของเล่นเด็ก เกม
- เสื้อผ้าลำลอง รองเท้า
- อุปกรณ์กีฬา
สำหรับสาเหตุหลักที่ทำให้สินค้ากลุ่มนี้ถูกนำเข้าจากจีนมากที่สุด ปัจจัยอันดับหนึ่งมาจากเรื่องราคาที่ถูกมาก สำหรับของที่ผลิตจากโรงงานในจีน หากเทียบกับในสหรัฐเอง
ส่วนสินค้าที่จีนนำเข้าจากสหรัฐมากที่สุด ได้แก่
- เครื่องบิน
- รถยนต์ไฟฟ้า
- ถั่วเหลือง
- วัสดุตัวนำไฟฟ้า
อย่างไรก็ตาม หากย้อนกลับไปเมื่อปี 2018 จีนได้ออกคำสั่งสำคัญคือการสั่งแบนผลิตภัณฑ์ประเภทถั่วเหลืองนำเข้าจากสหรัฐ เพื่อเป็นมาตรการในการทำสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐที่ระอุอย่างหนักในสมัยของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์
แต่หลังจากนั้นจีนก็ยกเลิกคำสั่ง แล้วยอมให้นำเข้าถั่วเหลืองกลับเข้าประเทศอีกครั้งในปี 2019 แม้ว่ามูลค่านำเข้าถั่วเหลืองจะตกลงมาจนเหลือเพียง 8 พันล้านเหรียญ จากในช่วงก่อนหน้าที่จะทำสงครามการค้า ถั่วเหลืองจากสหรัฐถูกนำจีนเป็นมูลค่ามากถึง 1.2 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งที่จริงเรื่องนี้ยังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และชาวนา ชาวไร่ชาวสวนในประเทศอย่างมาก
ด้านจุดแข็งของสินค้าที่ส่งออกจากประเทศจีน ยังคงเป็นเรื่องของราคาต้นทุนที่พวกเขาสามารถทำได้ต่ำกว่าการผลิตสินค้าจากหลายประเทศในโลกเวลานี้ อีกทั้งในด้านจำนวนของผู้บริโภคที่ยังมีความต้องการอย่างมหาศาลและมีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น หากเปรียบเทียบกับอีกหลายชาติ ซึ่งเรื่องราคานี่เองที่ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญทำให้จีนสามารถแข่งขันในระดับโลกได้
แม้ว่าสงครามการค้าจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อสองมหาอำนาจและทั่วโลก แต่การเป็นคู่ค้าสำคัญของทั้งสองชาติก็ยังดำเนินอยู่ เพราะหลายบริษัทในสหรัฐยังเลือกจีนเป็นฐานการผลิต และจีนเองก็มีความจำเป็นต้องพึ่งพานวัตกรรมหลายอย่างจากสหรัฐ เพื่อนำมาช่วยพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีของตนเองให้ก้าวหน้าเพื่อแข่งขันกับสหรัฐเองไปด้วย
สถานการณ์นี้เองที่บรรดาผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะรายย่อยยิ่งจำเป็นต้องจับตามอง เพราะในช่วงเวลาวิกฤต อาจมีโอกาสที่ดีซ่อนอยู่ครับ
เขียนโดย อิทธิชัย อรรถกระวีสุนทร
Expertise: China Marketing
อ่านบทความ Exclusive เพิ่มเติมได้ที่นี่
Copyright © MarketingOops.com
