“5 เหตุผลสำคัญที่ดึงดูดชาวจีนมาซื้อคอนโดมีเนียมในไทย”

ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวยที่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาส่งผลกระทบโดยตรงกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ทั้งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และนอกตลาด รวมไปถึงตลาดคอนโดมือสองที่ชะลอตัวลงไปมาก ปริมาณการซื้อขายในหมู่คนไทยด้วยกันลดลงอย่างน่าใจหาย มีหลายกรณีที่กู้ไม่ผ่าน เนื่องด้วยนโยบายแบงค์ที่ไม่ค่อยผ่อนผันให้ลูกค้าที่ต้องการกู้เพื่อซื้อที่พักอาศัย คอนโดเกรดบนยังสามารถทำกำไรได้ คอนโดเกรดล่าง เกรดกลางดันไม่ค่อยขึ้น หรือแม้กระทั่งการขายขาดทุนก็มีให้เห็นแทบทุกวันจนกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา

ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ลูกค้านักลงทุนชาวจีนกลายเป็นลูกค้ากลุ่มสำคัญที่ช่วยดันยอดขายจนทำให้เหล่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์น้อยใหญ่ต่างให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ใบบางโครงการสัดส่วนของชาวต่างชาติที่ว่าด้วยกฎหมายคือไม่เกิน 49% ไม่เพียงพอต่อความต้องการซื้อของชาวต่างชาติด้วยซ้ำ ซึ่งในช่วง 4-5 ปีมานี้เหล่าเอเจนซี่อสังหาริมทรัพย์จีน ใต้หวัน ฮ่องกงเริ่มเข้ามามีบทบาทต่อการซื้อขายอสังหาไทยให้ชาวจีนค่อนข้างมากถึงมากที่สุด และนี่คือ 5 เหตุผลสำคัญที่ดึงดูดชาวจีนในการมาลงทุนซื้ออสังหาไทย

1.ราคาถูก!!!

เมื่อเปรียบเทียบกับราคาอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ ราคาอสังหาไทยค่อนข้างถูก ซื้อง่าย จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนชาวจีน บวกกับการเติบโตของราคาที่ดินและบ้านในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาทำให้นักลงทุนจีนมีความเชื่อมั่นว่าราคาของอสังหาไทยจะสามารถไปต่อได้ ซึ่งในปัจจุบันคอนโดที่ชาวจีนซื้อเป็นจำนวนมากที่สุดราคาจะอยู่ที่ไม่เกินห้องห้าถึงหกล้านบาท

2.สิทธิ์ถือครองอสังหาในรูปแบบ FREEHOLD

การซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยได้กรรมสิทธิ์การถือครองแบบ Freehold ซึ่งราคาของทรัพย์สินจะเพิ่มขึ้นตามกาลเวลาต่างกับประเทศจีนที่เป็นรูปแบบ Leasehold ไม่ได้กรรมสิทธิ์แต่ได้สิทธิ์ในการอาศัยเป็นเวลา 70 ปี แต่ก็มีลูกค้าชาวจีนจำนวนหนึ่งที่ซื้อคอนโดในไทยในรูปแบบ Leasehold ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนจีนที่มีฐานะดีมาก ซึ่งปัจจุบันคอนโดเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมและมีการซื้อขายมากที่สุดสำหรับชาวจีน เพราะว่าสามารถออกเอกสารถือครองได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย 100% ไม่ยุ่งยากและสบายใจมากกว่าการซื้อบ้านที่ต้องใช้บริษัทในการซื้อ

3.ลงทุนน้อย Down Payment ก้อนแรกต่ำ

ในเมืองจีนมีนโยบายหลายอย่างที่ไม่เอื้ออำนวยต่อนักลงทุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเชิงการเก็งกำไรระยะสั้น เช่น เรื่องจำนวน Down Payment ก้อนแรกที่สูงลิบลิ่วโดยเฉพาะในเมืองใหญ่หลายเมืองที่การซื้อคอนโดต้องจ่ายเงินดาวน์ถึง 60-70% ในเมืองไทยนักลงทุนต่างชาติสามารถซื้อเก็งกำไรและขายต่อใบจองได้ทันที แต่สำหรับในเมืองจีนอสังหาริมทรัพย์กลายเป็นสินทรัพย์ที่ขาดสภาพคล่องในการซื้อขาย

4.การเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจไทย( Economic Growth) ควบคู่กับนโยบาย “One Belt One Road” ของจีน

ถึงแม้คนจีนไม่ได้มองเรื่องการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของไทยเป็นปัจจัยหลักในการพิจารณา แต่ในทัศนคติของคนจีนนั้น นักลงทุนยังมีความเชื่อมั่นในเสถียรภาพทางด้านเศรษฐกิจภายในประเทศ ด้วยสภาพอากาศและภูมิศาสตร์ที่ได้เปรียบในการอยู่อาศัยและเป็นฐานการผลิต บวกกับนโยบายภาครัฐการในการดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ ด้วยการส่งเสริมและมอบสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้กับภาคธุรกิจส่งผลให้ผู้ประกอบการต่างชาติจำนวนไม่น้อยได้นำความรู้ เทคโนโลยี เงินลงทุน และบุคลากรมาปฏิบัติงานที่ไทย เราอาจสังเกตได้ว่าคนจีนหลั่งไหลมายังประเทศไทยเพื่อประกอบธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ ประกอบอาชีพที่หลากหลายกว่าเดิม สำหรับการเข้ามาตั่งถิ่นฐานในไทยแน่นอนว่าปัจจัยสี่เป็นสิ่งแรกต้องคำนึงถึงเป็นสิ่งแรก นอกจากนี้มีรัฐบาลไทยมีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ชัดเจนโดยเฉพาะการลงทุนด้านการคมนาคมในกรุงเทพมหานครที่มีแบบแผนในการสร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน และแอร์พอร์ตลิ้งฉะนั้นแล้วโดยภาพรวมคนจีนไม่ได้เป็นกังวลเรื่องเศรษฐกิจของไทยจะถดถอยแต่กลับเชื่อว่าจะสามารถไปต่อได้อีกไกล

5.เมืองไทยน่าอยู่!!!

ประเทศไทยชนะน็อคแบบเป็นเอกฉันท์ในด้านการท่องเที่ยว ตามสถิติของจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนแสดงให้เห็นว่า คนจีนชอบมาเที่ยวเมืองไทยในทุกช่วงฤดู ยิ่งถ้าเป็นช่วงเทศกาลต่าง ๆ เช่น วันตรุษจีน วันชาติจีน ในบางสถานที่เราจะเห็นคนจีนมากกว่าคนไทยเสียอีก อาหารการกินที่ถูกรสชาติดี ข้าวของเครื่องใช้ที่ราคาย่อมเยา ภูมิอากาศที่เหมาะที่จะอยู่อาศัยตลอดทั้งปี มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะแยะมากมายที่น่าไป ผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยวและบริการได้รับอานิสงค์ไม่น้อยจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งผลสำรวจคะแนนนิยมจากแพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยวอันดับ 1 ของประเทศจีนปี 2017 Ctripได้ชี้ชัดว่าประเทศไทยกลายเป็นยอดฮิตอันดับ 1 ที่คนจีนสนใจและอยากมามากที่สุด และแนวโน้มจะมามากขึ้นเรื่อย ๆ ในปีหน้า ซึ่งพฤติกรรมการท่องเที่ยวจะเปลี่ยนไปในเชิงการซื้อประสบการณ์การท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น สัดส่วนของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเองเพิ่มขึ้นจากเดิม แพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยว ระบบการจ่ายเงินออนไลน์ต่าง ๆ เป็นปัจจัยห้าที่ตอบโจทย์ชีวิตการท่องเที่ยวในหมู่นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเอง (F.I.T.) เป็นอย่างยิ่ง