ในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น มีทั้งขาวและดำ ด้านมืดและด้านสว่าง และมีคนดีและไม่ดีปะปนกัน อยู่ที่ว่าเราอยากจะเลือกเข้าไปเจอกับสิ่งไหน หรืออยู่กับสังคมใดนั้นเอง การเลือกทางผิดก็ย่อมมีผลตามมามากมาย เพราะฉะนั้นเราจึงต้องวางแผนหรือมีแผนในใจว่าเรื่องแบบไหนที่เราจะไม่ไปยุ่ง เพื่อทำให้ชีวิตเราปลอดภัยจากผลร้าย ๆ ที่จะตามมา ซึ่งในวงการทำสื่อโฆษณาก็มีแนวคิดคล้าย ๆ แบบนี้เช่นกัน และกำลังจะเริ่มทำกับ Influencer แล้ว
จากการที่โฆษณาที่ Google มีปัญหาในเรื่อง Brand Safety ในคราวก่อน ที่โฆษณาของแบรนด์นั้นไปปรากฏในที่ที่ไม่เหมาะสมอีกครั้ง ทำให้แบรนด์ที่ Agency ที่ดูแลนั้นมีภาพลักษณ์ที่เสียหายจากกการที่แบรนด์เหมือนไปสนับสนุนคลิปหรือเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมเหล่านั้นเพิ่มขึ้นไปอีก ทำให้แบรนด์และ Agency นั้นเริ่มกลับมาคิดเรื่องการใช้ Whitelist ของเว็บไซต์ที่มีความเหมาะสมในการลงโฆษณาของนักการตลาดว่าจะมีความปลอดภัยในการที่แบรนด์ต่าง ๆ จะไปลงโฆษณาได้และจะไม่มีเนื้อหาหรือคลิปที่ไม่เหมาะสมอยู่ในนั้น รวมทั้งไม่มีโฆษณาที่ไม่เหมาะสมอยู่ข้างเคียงด้วย (ในประเทศไทยก็เพิ่งมีความร่วมมือจนต้องเป็นองค์กรคล้าย ๆ กันที่ชื่อว่า OPPA ที่จะให้บริการพื้นที่สื่อที่ปลอดภัยสำหรับแบรนด์) ซึ่ง Whitelist นี้คือรายชื่อเว็บที่มีความปลอดภัยในการลงโฆษณา มีความพรีเมี่ยมในด้าน content อีกด้วย เมื่อในส่วนของเว็บไซต์นั้นมี Whitelist แล้ว ตอนนี้ทาง Agency และ Brand ต่าง ๆ ก็เริ่มหันมามองที่ Influencer ว่าน่าจะมี Whitelist บ้าง
Influencer นับว่ามีพลังอย่างมากในยุคนี้ที่จะกลายเป็นส่วนส่งเสริมการตลาดของแบรนด์ที่ทำให้แบรนด์เกิด หรือสร้างความน่าเชื่อถือให้กลุ่มเป้าหมาย กลายมาเป็นลูกค้าได้อย่างมาก แต่เมื่อเกิดกรณีที่ Influencer ชื่อดังไปสร้างความไมาเหมาะสมเกิดขึ้น ทำให้แบรนด์และเอเจนซี่ต่าง ๆ เริ่มกลัวว่าจะเกิดอะไรเช่นนี้เหมือนวงการแบนเนอร์โฆษณาที่แบรนด์ตัวเองไปอยู่ในที่ที่ไม่เหมาะสม ยกตัวอย่างเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดใน Youtube ไปที่ PewDiePie ที่เรียกได้ว่าเป็น Youtuber เบอร์ 1 นั้นได้ทำคลิปที่พูดจาไม่เหมาะออกมา หลังจากนั้นก็มี Influencer ชื่อดังอีกคน James Charles ที่ได้โพสข้อความไม่เหมาะสมลงไปในออนไลน์อีก ซึ่งนี้กรณีต่างประเทศ ในกรณีประเทศไทยเช่นกันที่ค่ายมือถือชื่อดังไปใช้ Youtuber ที่มีชื่อเสียงในทางเกรียนมาเป็นช่องทางในโปรโมทกิจกรรม ซึ่งแน่นอนถูกต่างจากคนออนไลน์มากมาย (ไม่นานหลังจากนั้นก็เห็น Youtuber คนนี้ทำคลิปที่เอาแมวสู้แมงป่อง และเอาแมวผูกลูกโป่ง) ทั้งนี้คือตัวอย่างที่เห้นได้ชัดที่เกิดขึ้น ซึ่งอย่างต่างประเทศนั้นทำให้แบรนด์ยุติความสัมพันธ์ทันที และในไทยก็เกิดความรุนแรงจนแบรนด์ต้องออกมาแถลงและเอาคลิปออกจากช่องทางการโปรโมททันที
ด้วยความกลัวที่จะเกิดการแบบนี้ต่อไปทำให้แบรนด์ต่างประเทศนั้นเริ่มทำ Whitelist ของ Influencer ขึ้นมา เลิกหา Influencer เองและใช้ Agency ที่มาเสนอ Influencer แต่ความดังโดยไม่ได้สืบประวัติหรือความประพฤติมาให้ หรือเลิกใช้ Inluencer ที่คิดว่าตัวเองจะทำอะไรก็ได้ โดยไม่ได้คิดถึงหน้าหรือแบรนด์ที่มาร่วมเป็นคนสนับสนุนตัวเองขึ้นมา สิ่งที่แบรนด์ทำในตอนนี้คือการเข้าไปหา Whitelist ของ Influencer ซึ่งเป็นการรวม Influencer ที่มีความน่าเชื่อถือและไว้ใจได้ในการทำงานขึ้นมา ซึ่งรายชื่อเหล่านี้จะมีการรวบรวมการทำมาจาก Influencer Agency ต่าง ๆ มีหลักการในการคัดเลือก Influencer มาอยู่ในรายชื่อนี้คือ เครดิตดี ความประพฤติในอดีต และ Mode & tone ของการทำการสื่อสารของ Influencer นั้น ๆ อย่างตัวอย่างของ Microsoft ในต่างประเทศนั้นทำงานร่วมกับ influencer marketing agency ที่ชื่อ Little Bird ในการโปรโมท “Skype in the classroom” ซึ่งทางเอเจนซี่ด้าน Influencer ได้ใช้ Whitelist ในการหาครูที่มีความเคลื่อนไหวใน social และมีนักการศึกษาติดตาม และทำการติดต่อให้มาโปรโมท ซึ่งหลักการ Whitelist ของ Little Bird ใช้การดูจาก peer validation ด้วยว่า คนติดตามนั้นให้การเชื่อถือ Influenrcer นี้มากแค่ไหน อีกบริษัทในต่างประเทศนั้นชือ่ Hashoff มี Whitelist ของ Influencer เป็นพันคน โดยการติดต่อกับ Influencer ผ่าน PMP partnership ที่รวม Whitelist Influencer ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน และจัดแบ่ง Influencer เหล่านี้ตาม Tag ต่าง ๆ ไว้ ซึ่ง Influencer ที่จะเข้ามาอยู่ในรายชื่อนี้จะถูกสอบประวัติย้อนหลังถึง 4 ปี จากการตรวจสอบทุกโพสที่ทำไว้ว่าเป็นอย่างไร
การทำ Whitelist หรือการที่ Agency ในยุคนี้ต้องมี Whitelist Influencer ไว้นั้นมีความสำคัญอย่างมาก เพราะด้วยการตลาดที่การพัฒนาอย่างรวดเร็ว และภาพลักษณ์ของแบรนด์สามารถสะท้อนได้ผ่าน Influencer จนถึงการขายของได้ของแบรนด์ด้วย การเข้าไปหา Influencer ที่ใช่และลงเงินให้ถูกคนนั้นมีความสำคัญขึ้นมาทันที ในยุคนี้ใคร ๆ ก็อ้างว่าเป็น Blogger และ Influencer แล้ว เพราะการลงเงินผิดที หรือผิดทางย่อมทำให้แบรนด์เสื่อสมเสียอย่างมาก