ผู้ใช้อยากเป็นเพื่อนกับแบรนด์มากกว่าเป็นลูกค้า

  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  

BrandFriendshipStudy

ดูเหมือนว่าผู้ใช้ต่างก็ต้องการมิตรภาพที่ดีเช่นเดียวกับแบรนด์แมเนเจอร์

Trendera ทำการศึกษาพบว่า 63%   ของผู้บริโภคอยากให้แบรนด์ปฏิบัติกับตนเองเหมือนเพื่อน มากกว่านั้นผลสำรวจยังพบว่าคนวัย 18-50 ปีมีพฤติกรรมไม่ค่อยแตกต่างกันซึ่งหมายความว่าแบรนด์แมเนอเจอร์น่าจะโยนความคิดเรื่องการแบ่งแยกพฤติกรรมตามลักษณะทางประชากรศาสตร์ทิ้งไป

“มาร์เกตติ้งในปี 2015 คือการปฏิบัติกับลูกค้าเหมือนพวกเขาเป็นเพื่อน การใส่ใจแต่ลักษณะทางประชากรศาสตร์เป็นเรื่องไร้สาระไปแล้ว” Liz Gray ประธานบริษัทของ Trendera กล่าว

มาร์เกเตอร์บอกว่าการตอบสนองกันเป็นเรื่องสำคัญมาก

Ascend2 ระบุว่ากว่า 64% ของมาร์เกตเตอร์รู้สึกว่ายอด engagement ของผู้ใช้ที่พุ่งสูงขึ้นสำคัญกว่าผลสำเร็จอื่นๆ ของแบรนด์ และกว่าครึ่งระบุว่าการสร้าง brand awareness เป็นสิ่งที่ต้องบรรจุลงในกลยุทธ์การตลาดของ social media อย่างไรก็ตามมีเพียง 25% ที่คิดว่าการเพิ่มยอดขายเป็นสิ่งสำคัญ

ที่น่าสนใจคือกว่า 69%   ในปัจจุบันนี้คิดว่าวีดีโอกำลังเป็นช่องทางใหม่ที่จะช่วยให้เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างตรงตัว

ข้อถกเถียงของการเขียนบล็อก

แม้การศึกษาของ Ascend2 จะยืนยันว่ามาร์เกตเตอร์ส่วนน้อยคือ 14-35% เชื่อว่าการโพสต์บล็อก กรณีศึกษา รายงาน และ white paper เป็นสื่อที่จำเป็นและได้ผลในการเรียนรู้ แต่เราก็ไม่ควรมองข้ามพลังของการเขียนบล็อกไปหรอกนะ

ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร IZEA Ted Murphy ระบุว่าการโพสต์บล็อกมีอายุและอิทธิพลยาวนานเกือบ 2 ปีซึ่งผิดกับที่เชื่อกันแต่ก่อนว่ามีอิทธิพลเพียง 30 วันเท่านั้น นอกจากนั้น การศึกษายังพบว่าบล็อกเกอร์ต้องใช้เวลากว่า 2 ปีในการสะสมยอดผู้ติดตามทั้งหมดของพวกเขา และบทความที่เกี่ยวกับเรื่องการแนะนำหรือการชี้แนะมักจะมีอายุในการเผยแพร่ยาวนานกว่าบทความลักษณะอื่นๆ

Murphy อธิบายว่าบล็อกมี life cycle 3 ช่วงด้วยกัน หนึ่งคือช่วง “ตะโกน” คือช่วงที่จะได้ยอดผู้ติดตามเพิ่มอย่างรวดเร็วใน 10 วัน จากนั้นเป็นช่วง “เสียงสะท้อน” โดยจะได้ยอดผู้ติดตามเพิ่มราว 28%  และช่วงสุดท้ายคือ “อยู่ตัว” ซึ่งจะมีผู้ติดตามอีก  28% จะเริ่มเข้ามาตามการชักชวนของแฟนคลับต่อเนื่องไปเรื่อยๆ

โพสต์ที่ยาวน่าสนใจกว่าโพสต์สั้น

ข้อดีของโพสต์ยาวๆ ในบล็อกคือมันมีเนื้อหามากมายให้แชร์ได้ การศึกษากับบล็อกกว่า 6 พันบล็อกจาก Hubspot พบว่าโพสต์ที่มีตัวอักษรราว 2,250-2,500 ตัวอักษรนั้นจะมียอด organic traffic เยอะที่สุด ขณะที่หากมีตัวอักษรมากกว่า 2,500 ตัวอักษรจะมีโอกาสถูกแชร์บนโซเชียลมีเดียเยอะที่สุด นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่คนจะทำลิงค์เข้ามาในตัวบล็อกมากขึ้นด้วย

Source

 


  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  
อุ้งทีนหมี
เตาะแตะในโรงเรียนชายล้วนแถวยศเส ก่อนเติบโตต่อในมหาวิทยาลัยริมฝั่งน้ำเจ้าพระยา ที่สุดจับพลัดจับผลูเข้าทำงานในนแวดวงสื่อสารมวลชนมาแล้วกว่า 4 ปี โต้ลมโต้ฝนทั้งในวงการข่าวต่างประเทศ เยาวชน ธุรกิจ การเมือง สังคม ฯลฯ แต่สุดท้ายกลับลำมาหลงรักวงการมาร์เก็ตติ้งที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปขี่จิงโจ้เรียนปริญญาโทมา เลยตัดสินใจหันหางเสือออกสู่การผจญภัยครั้งใหม่อีกสักตั้ง