รู้จัก Pyramid Principle หลักการแก้ปัญหาเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญในปัจจุบัน

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

 

การแก้ปัญหาเชิงกลยุทธ์เป็นหนึ่งในทักษะที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในทั้งโลกธุรกิจและชีวิตประจำวัน หนึ่งในเทคนิคที่ใช้แก้ปัญหาเชิงกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพคือ Pyramid Principle ซึ่งพัฒนาขึ้นโดย Marty Neumeier ในหนังสือ “Zag: The Number One Strategy of High-Performance Brands” เพื่อให้สามารถสื่อสารและคิดเชิงกลยุทธ์ได้อย่างเป็นระบบและตรงจุด

หลักการนี้มีขั้นตอนที่ชัดเจนสำหรับการจัดโครงสร้างปัญหาอย่างเป็นระบบ ประกอบไปด้วย 4 ขั้นตอนหลัก:

 

ขั้นตอนที่ 1 : กำหนดผลลัพธ์ที่ต้องการ

เริ่มต้นด้วยการระบุเป้าหมายที่ต้องการให้ชัดเจน ถามตัวเองก่อนว่า “เราต้องการผลลัพธ์อะไร?” ซึ่งเป็นคำถามที่ช่วยเปิดทางไปสู่การระบุวัตถุประสงค์ที่แท้จริง อาจตั้งเป้าหมายเป็นแบบทั่วไปเพื่อสร้างภาพกว้างๆ ของความสำเร็จ หรือเลือกตั้งเป้าหมายแบบ SMART goal ที่กำหนดเป้าหมายให้เจาะจง มีความชัดเจน วัดผลได้ มีความเป็นไปได้และระบุกรอบเวลาที่แน่นอน เช่น การตั้งเป้าหมายว่า “แคมเปญอีเมลจะต้องเพิ่มยอดขายได้ 1,000,000 บาทภายใน 1 เดือน” การมี SMART goal เป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับ Pyramid Principle และทำให้เรามีแนวทางที่ชัดเจนในการก้าวไปข้างหน้า

 

ขั้นตอนที่ 2: รวบรวมและจัดโครงสร้างข้อมูล

เมื่อกำหนดเป้าหมายแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการระบุเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการบรรลุเป้าหมาย โดยถามว่า “อะไรที่ต้องเป็นจริงเพื่อให้เป้าหมายของเราสำเร็จ?” ตัวอย่างเช่น ถ้าเป้าหมายของเราคือการทำให้แคมเปญอีเมลมียอดขายเพิ่มขึ้น 1,000,000 บาท ใน 1 เดือน เราก็อาจระบุเงื่อนไขที่ต้องเป็นจริงไว้เป็นข้อ ๆ เช่น

  1. กลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมได้รับอีเมลและมีการตอบสนอง (เช่น มีอัตราการเปิดอีเมลเกิน 40%)
  2. เนื้อหาในอีเมลสามารถกระตุ้นให้เกิดความสนใจและนำไปสู่การซื้อ (เช่น มีอัตราการแปลงยอดขายอย่างน้อย 1%)
  3. การส่งและการบริหารแคมเปญมีประสิทธิภาพสูงสุด

จากนั้นให้วิเคราะห์ทุกเงื่อนไขที่ระบุออกมาเพิ่มเติม เพื่อให้แน่ใจว่าครอบคลุมทุกปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยให้ครอบคลุมปัจจัยที่สำคัญและเป็นการเตรียมพร้อมรับมือกับอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้น

 

ขั้นตอนที่ 3: ใช้ประโยคที่ชัดเจนแทนคำทั่วไป

การใช้คำทั่วไปอาจทำให้ทีมเข้าใจคลาดเคลื่อนกันได้ ดังนั้นควรเขียนเป็นประโยคที่ชัดเจน เช่น แทนที่จะใช้คำว่า “กลุ่มเป้าหมาย” ให้เป็น “กลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมได้รับและเปิดอีเมลมากกว่า 40%” ซึ่งจะทำให้เป้าหมายชัดเจนยิ่งขึ้น และช่วยให้สามารถเจาะลึกไปยังระดับถัดไปได้ง่ายขึ้น

 

ขั้นตอนที่ 4: จัดลำดับความสำคัญของเงื่อนไข

ในการแก้ปัญหาโดยใช้ Pyramid Principle เงื่อนไขหรือปัจจัยต่างๆ อาจมีความสำคัญที่ไม่เท่ากัน ดังนั้นควรจัดลำดับความสำคัญโดยให้สิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่ทางด้านซ้ายสุด เช่น การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมีความสำคัญมากกว่าการกำหนดความถี่ในการส่งอีเมลเมื่อจัดลำดับได้แล้วก็สามารถโฟกัสไปที่ปัจจัยสำคัญก่อนเพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ได้ดีที่สุด

 

เคล็ดลับเพิ่มเติมสำหรับการใช้งาน Pyramid Principle

  • ระบุปัญหาให้ชัดเจน: ก่อนที่จะเริ่มต้นแก้ปัญหา ควรให้แน่ใจว่าเข้าใจปัญหาจริงๆ เพื่อให้สามารถวางแผนแก้ไขได้ตรงจุด
  • ใช้คำพูดเชิงบวก: สร้างบรรยากาศที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ในทีม การใช้คำพูดเชิงบวกสามารถลดความเครียดและช่วยให้ทีมแก้ปัญหาได้ดีขึ้น
  • ยึดหลักการ MECE: หลักการ MECE (Mutually Exclusive and Collectively Exhaustive) ช่วยให้การแบ่งส่วนของปัญหาครอบคลุมทุกด้านและไม่มีส่วนใดทับซ้อนกัน
  • ตรวจสอบสมมติฐาน: ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและลดการใช้การคาดเดาโดยการหาข้อมูลที่เชื่อถือได้เพื่อให้การแก้ปัญหามีความแม่นยำยิ่งขึ้น
  • ใช้กฎ 80/20: ควรให้ความสำคัญกับเงื่อนไขที่มีผลต่อความสำเร็จมากที่สุด โดยทั่วไป 20% ของความพยายามจะทำให้เกิดผลลัพธ์ 80% ดังนั้นควรโฟกัสที่ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อเป้าหมายสูงสุด

 

 

การใช้ Pyramid Principle ช่วยให้การแก้ปัญหามีประสิทธิภาพและเป็นระบบ ไม่ว่าคุณจะทำงานคนเดียวหรือทำงานเป็นทีมเครื่องมือนี้สามารถนำไปปรับใช้ได้ทั้งในธุรกิจและชีวิตส่วนตัว

 


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
Molek
Head of Strategic Marketing ใน Integrated Service Agency ที่หนึ่ง ผู้หลงใหลในหลาย ๆ ที่มีความอยากรู้และเรียนรู้ในเรื่อง Startup, นวัตกรรม, การตลาด จากมุมมองหลาย ๆ ด้านและวัฒนธรรมของแบรนด์ต่าง ๆ