ยุคที่ data ท่วมหัวแต่ ‘ข้อมูลการตั้งใจซื้อของลูกค้า’ (buyer intent data) กลายเป็นอินไซต์สำคัญที่สุด

  • 99
  •  
  •  
  •  
  •  

 

เราต่างก็รู้กันอยู่แล้วว่ายุคนี้เป็นยุคทองของ ‘คลังข้อมูล’ เพราะไม่ว่าเราจะดูอะไร เดินไปไหน หรือไปกับใคร ข้อมูลทั้งหมดนี้สามารถนำมาวิเคราะห์ได้ทั้งหมดว่าแนวโน้มการตลาดต่อไปควรเป็นอย่างไร ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีความสำคัญต่อนักการตลาดมาก

ในเมื่อข้อมูลที่ได้มาจากมูฟเมนต์ของผู้บริโภค หรือกลุ่มเป้าหมายกลายเป็นสิ่งสำคัญทั้งหมด คำถามก็คือ ข้อมูลเชิงลึกหรืออินไซต์แบบไหนที่สำคัญที่สุด เพื่อช่วยประหยัดเวลาในการวิเคราะห์ข้อมูลหรือประเมินแนวโน้มในระยะสั้นได้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปค่อนข้างเร็ว

บทความของ Paroma Sen ผู้อำนวยการฝ่ายคอนเทนต์และสื่อของ MarTech Series และเคยทำงานที่ MarTech Advisor ได้พูดถึงประเภทข้อมูลที่สำคัญที่สุดสำหรับนักการตลาด เพื่อจัดลำดับข้อมูลที่นำมาวิเคราะห์และใช้ประโยชน์ได้จริงและเร็ว นั่นก็คือ ข้อมูลการตั้งใจซื้อของลูกค้า (buyer intent data) ถือว่าสำคัญมากที่สุดต่อการประเมินแนวโน้มในระยะสั้น และสามารถทำให้เป็นการตลาดในระยะยาวได้ด้วย

โดยหลักๆ สิ่งที่ข้อมูลจากการตั้งใจ/เจตนาซื้อของลูกค้าจะช่วยวิเคราะห์ได้ อย่างเช่น
  • พฤติกรรมการซื้อในปัจจุบัน
  • ศักยภาพในการซื้อในปัจจุบัน
  • แนวโน้มว่าคนไหนที่จะมาเป็นลูกค้าของเรา
  • กลุ่มลูกค้าแบบไหนเหมาะที่จะเป็น main target

 

การประเมิน journey ของผู้ซื้อได้ก่อนตั้งแต่ระยะแรก = ความสนใจ จะทำให้แบรนด์หรือธุรกิจมีโอกาสมากขึ้นที่จะทำการตลาดได้ตรงใจผู้บริโภค และเปลี่ยนให้มาเป็นลูกค้าได้ในอนาคต เปรียบให้เห็นภาพคือ ช่วงที่ลูกค้ากำลังหาข้อมูล ดูๆ สินค้าบริการ เป็นจังหวะที่เราสามารถโน้มน้าวคนกลุ่มนี้ให้มาเป็นลูกค้าเราได้สูง ด้วยการสื่อสารหรือใช้ข้อความที่ตรงกับความต้องการผู้ซื้อทันที และกระตุ้นให้ปิดการขายได้เร็วขึ้นด้วย rewards บางอย่าง หรือโปรโมชั่นสำหรับคนนั้นโดยเฉพาะ และต้องส่งไปในขณะนั้นด้วย

แม้ว่าการตลาดรูปแบบนี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ ซึ่งเราอาจจะเห็นกันอยู่บ่อยๆ จากดีลการช้อปปิ้งใน e-Marketplace หรือการบุกกิ้งโรงแรมที่พักอยู่บ้าง แต่นักการตลาดหลายๆ คนเห็นด้วยว่า ข้อมูลการตั้งใจของผู้ซื้อ เป็นหนึ่งในข้อมูลที่ได้มาและวิเคราะห์ได้เร็วที่สุดอย่างหนึ่ง ใช้กระบวนการและการตัดสินใจไม่นาน สามารถสร้างดีลและดึงดูดลูกค้าใหม่ได้ทันที

โดยการใช้ข้อมูลการตั้งใจซื้อของผู้บริโภคจะไม่เสียเวลาไปกับการสร้างลูกค้าเป้าหมาย เพราะใช้เวลาเตรียมการนานกว่า ใช้ข้อมูลประกอบการวางกลยุทธ์ที่มากกว่า ที่สำคัญแบรนด์จำเป็นต้องระบุ leads (กลุ่มเป้าหมายหลักที่จะสนใจสิ่งที่เรานำเสนอแน่ๆ) ที่มีคุณภาพเพียงพอต่อกลยุทธ์ในแต่ละครั้ง ซึ่งมีปัจจัยชี้วัดหลายประการเป็นองค์ประกอบ ตั้งแต่ประสิทธิภาพในการซื้อ จนไปถึงความคาดหวังเรื่องบริการ หรือบริการหลังการขาย เป็นต้น

ถึงแม้ว่าในปัจจุบันมีหลายธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีในการช่วยวิเคราะห์ข้อมูลการตั้งใจซื้อมากขึ้น เมื่อพวกเขาเข้ามาในหน้าเว็บไซต์ ดูผลิตภัณฑ์บริการ ระยะเวลาที่ดู หรือการเช็คเปรียบเทียบกับเว็บอื่น ฯลฯ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อการตลาดที่ตรงใจและรวดเร็วมากที่สุด

สำหรับคนที่สงสัยว่าทำไมต้องยกให้ข้อมูลการตั้งใจซื้อเป็นอันดับแรกๆ ก็เพราะว่า การแข่งขันในปัจจุบันทำให้ ความเร็ว เป็นปัจจัยสำคัญที่จะเพิ่มการเติบโตให้ธุรกิจได้ด้วยการโน้มน้าวการตัดสินใจซื้อให้เร็วขึ้น นอกจากนี้ ข้อมูลการตั้งใจ ยังช่วยเพิ่มอัตราการรักษาลูกค้าเดิมได้ด้วย จากการหาโซลูชั่นและจุดบอดของธุรกิจด้วย

 

 

 

 

ที่มา: martechseries


  • 99
  •  
  •  
  •  
  •  
prakai
'ชีวิต' ต้องมีสีสันหลากหลาย เหมือนกับความรู้ที่มีหลายมิติ ทั้งไลฟ์สไตล์, การตลาด, ดิจิทัล, ประเพณี-วัฒนธรรม