หนึ่งในเทรนด์ที่นักการตลาดและคนทำธุรกิจจับตามองก็คือเทรนด์เทคโนโลยีเพื่อตามความเปลี่ยนแปลงให้ทันและทำให้ธุรกิจมีความสามารถในการแข่งขันในตลาด ซึ่งในปี 2024 มีเทรนด์เทคโนโลยีอยู่หลายเรื่องด้วยกัน แต่เรื่องอะไรบ้างที่นักการตลาดจะต้องสนใจและเกี่ยวกับกับการทำงานในสายงานมากที่สุด ล่าสุด คุณบอล จิตติพงศ์ เลิศประดิษฐ์ – นายกสมาคม MarTech Association (Thailand) ได้มาสรุปเอาไว้ให้แล้วในการบรรยายหัวข้อ “2024 Technology Trend Thailand” พร้อมกับสรุป 6 เทรนด์เทคโนโลยีที่ส่งผลกับตลาดในประเทศไทยมากที่สุดมีอะไรบ้างเราสรุปมาให้แล้วในบทความนี้
1. AdTech Evolution
คุณบอล ระบุว่าปัจจุบันบริการต่างๆอยู่ในรูปแบบ Software As a Services แล้วและสามารถควบคุมผ่านอุปกรณ์อย่างสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดายผ่านการ Subscription สิ่งนี้จะทำให้เกิดเทรนด์เทคโนโลยีด้านโฆษณาที่เปลี่ยนไปไม่ว่าจะเป็น
-
- Out of Home (OOH) Media จะกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง การจัดการคอนเทนต์ของสื่อ OOH จะมี IoT ที่สามารถควบคุมและบริหารจัดการสื่อได้จากที่เดียวและปัจจุบันบริการ Digital Signage Technologyก็มีราคาที่ย่อมเยาวลงแล้ว
-
- Electronic Shelf Label – หมดยุคของการเปลี่ยนราคาสินค้าแบบ Manual แต่จะก้าวไปสู่การใช้ป้ายราคาสินค้าแบบ Digital ที่มีเทคโนโลยี E-Ink ที่ทำให้สาารถบริหารจัดการปรับเปลี่ยนราคาสินค้าได้แบบ Real Time ผ่านระบบ Cloud ทันต่อการแข่งขัน และปัจจุบันอุปกรณ์ก็ราคาไม่แพงแล้ว
- Ad Distribution & Optimization – ปัจจุบันมีโปรแกรมที่สามารถจัดการโฆษณาหลายๆ platform ในที่เดียวแล้ว สามารถทดลอง Ad แปลกๆใหม่ๆได้ง่ายขึ้นและติดตามผลลัพท์และปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว
-
- Creative Ads Variation Generatior – นกจากนี้ยังมีโปรแกรมที่ช่วย Optimize Design ให้เหมาะกับแต่ละแพลทฟอร์มด้วยคลิกเดียวแล้วเช่น Adcreative.ai ที่มีพลังของ Generative AI มาช่วย เป็นต้น
2. IoT & AI Wearable Devices
เทรนดนี้คือบรรดาอุปกรณ์ IoT ที่จะผนวกรวมความสามารรถของ AI เข้าไว้ด้วยกันที่จะเปลี่ยนแปลง User Interface ของคนใช้งานเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆไปอีกครั้ง ซึ่งสิ่งนี้จะเปลี่ยนแปลงเทรนด์ด้านการตลาดไปอย่างมากมาย ซึ่งเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นก็คือ
- New Advertising Formats – เกิดอุปกรณ์ใหม่ๆทีทำให้เกิดช่องทางการการทำโฆษณารูปแบบใหม่ๆเพิ่มขึ้นและสามารถทำ Hyper Personalization ได้มากกว่าเดิมเช่นตู้เย็นที่มีระบบ IoT หรือ ตู้ Vending ที่สามารถทำ Face Recognition ได้
- GPT Device as Human Assistant – คือเทคโนโลยีท่จะเปลี่ยนแปลง User UI จากการสัมผัสหน้าจอสู่การสั่งงานด้วยเสียงที่ปัจจุบันก็เริ่มมีอุปกรณ์ออกขายจริงแล้วเช่น Rabbit R1 อุปกรณ์มือถือที่ผนวกพลัง ChatGPT ให้เป็นผู้ช่วยทำงานต่างๆที่เราเคยต้องใช้นิ้วกดจอแทนเรา หรือแม้แต่ช่วยแปลภาษาเป็นต้น
- Proximity Marketing with Beacon – อุปกรณ์ที่ช่วยทำ Marketing ในระยะใกล้ภายในพื้นที่ที่กำหนดได้จะเป็นเทคโนโลยีที่กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้งโดยปัจจุบันมีอุปกรณ์อย่าง Devio ที่ร่วมมือกับ Line เพื่อสื่อสารถึงลูกค้าในพื้นที่ได้ง่ายขึ้นในปัจจุบัน สามารถใช้ได้ทั้งในงานอีเวนท์ ห้างสรรพสินค้า บันทึกเวลาเข้าออกของพนักงาน โรงแรมหรือร้านอาหาร เป็นต้น
3.Creator Economy & Affilate Commerce
การทำ Affiliate คืออีกช่องทางที่สามารถสร้างยอดขายให้กับธุรกิจได้อย่างไม่น่าเชื่อ บางธุรกิจสามารถสร้างยอดขายคิดเป็นสัดส่วนถึง 95% เลยก็มี ซึ่งคุณบอลระบุว่า เทรนด์นี้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กควรให้ควาาสำคัญ และเรื่องนี้ทำให้เกิดเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ๆอย่าง
- Commission From Product Review – ระบบที่ทำให้คนรีวิวสินค้าได้รับเงินค่าคอมเมื่อสินค้าขายได้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นแล้วเช่นระบบของ Laz Affiliate
- Multi-Chanel Network (MCN) – เป็นระบบที่สามารถหยิบครีเอเตอร์มาอยู่ในเครือข่ายและสามารถกำหนดยอดขายเพื่อให้โบนัสเพิ่มเติมสร้างแรงจูงใจให้กับครีเอเตอร์เพิ่มขึ้นได้
- Affiliate Marketing Framwork – คือสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่และต้งทำความเข้าใจตั้งแต่การ มองหาครีเอเตอร์ที่เหมาะสม > หาวิธีการติดตาม performance > สร้างโครงสร้างการให้ค่าตอบแทน > การมี Marketing Material ให้และ > ประเมินผลในขั้นตอนสุดท้าย
4. Multi-Platform Commerce
คือการบริการจัดการการขายสินค้าและการทำการตลาดแบบหลายๆแพลทฟอร์มไปพร้อมๆกันซึ่งปัจจุบันก็มีเครื่องมือ MarTech ใหม่ๆออกมารองรับแล้วมากมายซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้จะทำให้เกิดเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ๆดังนี้
- Platform Explosion – ปัจจุบันเกิดแพลทฟอร์มโซเชียลมีเดียและช่องทาง e-commerce ขึ้นมามากมายทำให้ลูกค้ามีช่องทางในการซื้อของมากขึ้นดังนั้นการบริหารจัดการธุรกิจและการทำการตลาดจึงมีความซับซ้อนมากขึ้นอย่างไรก็ตามปัจจุบันมีเทคโนโลยีมารองรับความซับซ้อนเหล่านี้แล้ว
- Social Content Sceduling เป็นสิ่งที่นักการตลาดและคนทำคอนเทนต์ทุกคนต้องมี อย่างเช่นโปรแกรมใช้ฟรีอย่าง Feedhive ที่สามารถช่วยให้ตั้งเวลาลงคอนเทนต์ล่วงหน้าได้นานเป็นเดือนๆ และบริหารจัดการหลายๆแพลทฟอร์มได้พร้อมๆกันลดความยุ่งยากลงได้มาก และไม่ได้มีแค่ โพสต์ตัวอักษรเท่านั้นแต่ยังทำโพสต์วิดีโอสั้นได้แล้ว
- Martech Stack for Ecommerce – เป็นอีกเทคโนโลยีที่ต้องมีเพื่อบริการจัดการออร์เดอร์เพื่อให้สามารถปิดการขายได้โดยอัตโนมัติ มี Chatbot เข้ามาช่วยพูดคุยกับผู้ซื้อและยืนยันออร์เดอร์จากสลิปโอนเงินโดยอัตโนมัติซึ่งปัจจุบันก็มีบริการพัฒนาโดยคนไทยอย่าง page365 รวมถัง Aiyaให้บริการช่วยลดภาระในการขายลงได้มาก
- Live Order Management – เป็นอีกเทรนด์ที่จำเป็นต้องมีสำหรับคน Live ขายของที่สามารถช่วยดูดคอมเมนต์ตามรหัส F ที่เราตั้งไว้ได้โดยอัตโนมัติสามารถติดตามการโอนเงินและประวัติการสั่งสินค้าได้ซึ่งปัจุบันก็มีโปรแกรมช่วยบริหารจัดการออร์เดอร์อยู๋มากมายหลายตัว รวมไปถึงในช่องทาง E-Commerce ต่างๆด้วย
- Oder Managment Platform – เป็นอีกเทคโนโลยีที่ช่วยรวมรวมเก็บข้อมูลและวิเคราะห์การสั่งสินค้าของลูกค้า ช่วยตัดสต็อกสินค้าอัตโนมัติ สามารถใช้รวมมกับระบบ ERP เพิ่มความโปร่งใสของข้อมูลสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ได้ และสามารถใช้ร่วมกับระบบ Loyalty เพื่อดึงลูกค้าให้กลับมาซื้ออีกครั้งได้
5. Modernize Data Stack for Marketing
เทรนด์ของการทำข้อมูลจากหลากหลายแหล่งให้มาอยู่ในที่เดียวกันเพื่อนำไปใช้ทำการตลาดต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้เกิดเทคโนโลยีใหม่แล้วดังนี้
- Cloud Data Platform – ระบบศูนย์รวมเก็บข้อมูล Engagement จาก Social Media ต่างๆเพื่อทำให้ข้อมูลสามารถนำมาใช้ประโยชน์ต่อได้ในทางธุรกิจซึ่งปัจจุบันมีแอปพลิเคชั่นอย่าง Fivetran หรือ PenPath ให้เลือกใช้และปัจจุบันระบบลักษณะนี้ก็มีราคาไม่แพงใช้งบประมาณราว 30,000 บาทก็สามารถทำได้แล้ว
- Advertising Naming Convention – ก็เป็นอีกรูปแบบการทำงานที่ต้องทำเพื่อสร้างระบบการติดตามผลแยกเป็นช่องทาง งบประมาณ กลุ่มเป้าหมาย เป็นระบบคลังข้อมูลที่ออกแบบเฉพาะสำหรับงานโฆษณา ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยเพื่อประสิทธิภาพในการทำการตลาด และหากเป็น Agency ก็จะช่วยสร้างจุดแข็งให้กับ Agency ให้มากขึ้นด้วย
6. Customer Data Platform & Marketing Automation
คือเทนด์เทคโนโลยีในการบริหารจัดการ Lead ทำ CRM ที่นำไปสู่การทำ Marketing Automation ที่มีเครื่องมือรองรับมากมายซึ่งเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นมีหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น
- CRM Sale Pipeline Tracking – เป็นเครื่องมือบริหารจัดการเส้นทางการขายของลูกค้าที่บางครั้งอาจต้องใช้เวลานาน มีหลายขั้นตอน หรือแม้กระทั่ง sale ลาออก ก็สามารถบริหารจัดการต่อได้ทันทีและสามารถรู้ได้ว่าลูกค้านั้นเข้ามาทางช่องทางไหนซึ่งปัจจุบันมีเครื่องมืออย่าง wisible.com ให้บริการในส่วนนี้อยู่
-
Customer Data Platform (CDP) เป็นอีกเทคโนโลยที่ขาดไม่ได้สามารถเก็บข้อมูลลูกค้าจากหลากหลายช่องทาง นำมาผ่านกระบวนการ จัดหมวดหมู่ เชื่อมโยงข้อมูลลูกค้า และนำข้อมูลไปเก็บไว้ก่อนจะนำไปใช้ในการทำการตลาดรูปแบบต่างๆที่สามารถ personalize แตกต่างกันในแต่ละกลุ่มได้ด้วยรูปแบบที่แตกต่างกัน
- Marketing Automation – เป็นอีกเทคโนโลยีที่มีทำกันแล้วสามารถสื่อสารแบบอัตโนมัติให้กับลูกค้าตลอดทั้ง Journey ที่แตกต่างกันไปเพื่อผลลัพท์สูงสุด เช่นเดียวกับเทคโนโลยี
- Data Analytic – ก็เป็นอีกเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับธุรกิจในยุคนี้ไม่ว่าจะเป็น Google Data Studio หรือ Power BI ที่สามารถวิเคระห์ข้อมูล มี Dashboard ที่ช่วยให้มองเห็นภาพลูกค้ากลุ่มต่างได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังสามารถติดตามผลงานของ Sale แต่ละคนในธุรกิจของเราและสามารถวัดผล Conversion ได้หลากหลายรูปแบบและในอนาคตก็จะมี AI Plug-in ที่สามรถช่วยทำงานได้มากยิ่งขึ้นด้ว
ทั้งหมดนี้คือ 6 เทรนด์เทคโนโลยีในปีที่จะมีผลกระทบกับการทำการตลาดในปี 2024 นี้อย่างแน่นอน และเป็นสิ่งที่คุยบอยระบุว่าปัจจุบันเทคโนโลยีตามมาทันที่จะรับเทรนด์ใหม่ๆแล้ว ซึ่งสิ่งสำคัญก็คือการหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับธุรกิจรวมไปถึง บุคคลากรก็เป็นอีกสิ่งสำคัญที่จะต้องใช้งานเทคโนโลยีเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน