ใครที่ทำการตลาดผ่านโลก Digital นั้น คงคุ้นชินกับการทำ Banner Advertising หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Banner Ad ซึ่งคนทำหลาย ๆ คนนั้นมีความรู้สึกว่าไม่ Effective หรือรู้สึกว่าทำไปคนก็ไม่กดมาหรือทำให้ผู้บริโภคนั้นรู้สึกรำคาญหรือไม่ชอบไปอีก ทำให้นักการตลาดหลาย ๆ คนนั้นหลีกเลี่ยงที่จะซื้อโฆษณาในรูปแบบ Banner นี้ไปทั้งที่ ๆ ถ้าใช้ดี ๆ และเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคนั้น Banner Ad จะให้ผลที่ดีมาก ซึ่งวันนี้เราจะมาเรียนรู้พร้อม ๆ กันครับ
Banner นั้นถูกพัฒนามามากกว่า 20 ปีจากยุคเริ่มแรกที่เริ่มมี Internet กันใช้อย่างแพร่หลาย จากการที่มี Banner ใช้กันมาใน 20 ปีที่แล้ว วิธีการใช้ Banner และมาตรฐานของ Banner ก็ถูกพัฒนาตาม ซึ่งวิธีการ Banner หลาย ๆ แบบก็สร้างความรำคาญหรือการรบกวนผู้ใช้ internet แถมหลาย ๆ Banner นั้นยังพยายามยัดเยียดการขายหรือส่งข้อความมาไม่ตรงกับความต้องการผู้บริโภคทำให้ ผู้บริโภคเรียนรู้และไม่สนใจ ทำให้ Banner นั้นไม่มีคนกดในที่สุด สุดท้ายก็ส่งผลต่อการทำ Banner โดยรวมทั้งหมดว่าไม่มีความ Effective หรือทำแล้วไม่ได้ผลอีกต่อไป ซึ่งจริง ๆ แล้วหากทำในวิธีที่ถูกต้องและเข้าใจแล้วละก็ Banner นั้นจะเป็นสื่อที่ได้ผลแบบนึง แล้วทำอย่างไร Banner นั้นจะได้ผล นั้นกลับมาเรื่องพื้นฐานของการทำการตลาดเช่นกันว่า จุดมุ่งหมายของการทำ Banner คืออะไร ใครคือกลุ่มเป้าหมาย และกลุ่มเป้าหมายอยากรู้อะไรกี่ยวกับสิ่งที่เราอยากจะบอก ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะต้องไปปรากฏในส่วนที่สำคัญที่สุดอย่าง Creative และคุณภาพ Creative นี่เองที่ส่งผลถึงคุณภาพ Banner กลับมา ซึ่ง Banner ดี ๆ นั้นสามารถดึงความสนใจคน เข้าถึงคนได้ถูกที่ ถูกเวลา และสามารถทำ Personalised Marketing ได้ด้วย การที่จะสร้าง Banner ให้ดีได้นอกจากการทำ Creative ที่ดีแล้ว กระบวนการทดสอบว่าครีเอทีฟไหนที่ดี ที่ใช่นั้นเป็นส่วนสำคัญในการทำ Banner
ก่อนอื่นนั้นเราต้องเข้าใจผู้บริโภคก่อนว่า คนนั้นเข้าโลกออนไลน์มาเพื่อค้นหาข้อมูล คุยกับเพื่อน เสพข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ไม่ใช่เพื่อการมาดู Banner Ads ซึ่งสื่อ Digital นั้นมีพฤติกรรมที่ต่างจากสื่อ TV คือ สื่อ Digital นั้นเป็นปฏิสัมพันธ์ 2 ทางและสามารถเลือกการเสพได้ ซึ่งสื่อ TV หรือ Traditional ต่างกันที่ส่วนใหญ่นั้นจะเป็นเป็นสื่อภาคบังคับ ทำให้การดู TV แล้วมีโฆษณาคั่นเวลาเป็นการรบกวนการรับชมของคนดู แต่ในสื่อออนไลน์คนสามารถหลีกเลี่ยงโฆษณาได้โดยการไม่มองหรือทำให้สื่อโฆษรานั้นแนบเนียนไปกับเนื้อหานั้นก็ได้ โดยผู้บริโภคไม่รู้สึกตัว
เพราะฉะนั้นการทำ Banner ที่ดีเนื้อหา Creative ใน Banner นั้นต้องเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคและสามารถทำให้เนื้อหาของ Banner นั้นแทรกตัวหรือแนบเนียนไปกับเนื้อหาในเว็บไซต์ที่ผู้บริโภคนั้นเข้าใช้งานได้พอดี จากการวิจัยของ Google ที่ทำ Banner Ad ที่เข้าใจผู้บริโภคและไม่รบกวนการชมเนื้อหาทำให้ Banner Ad นั้นสามารถทำให้คนจดจำแบรนด์ได้ 15.8% และสามารถทำให้คนสนใจได้กว่า 9.4% เพิ่มขึ้นมา ซึ่ง Google สามารถสรุป Best Practise จากการทำ Banner Ad ของตัวเองได้ 3 คือ
- สร้างความน่าสนใจ เพื่อดึงดูดสายตาของผู้บริโภคให้สนใจ เมื่อข้อความทางการตลาดนั้นมีความสำคัญต่อการสื่อสารให้ผู้บริโภคได้รับรู้ ด้วยการใช้การใช้ภาพเคลื่อนไหวตรงข้อความนั้น การใช้หน้าคน สีของแบรนด์และข้อความที่อ่านง่าย ๆ เพื่อให้ความน่าสนใจเกิดขึ้นในช่วงข้อความทางการตลาดที่อยากจะบอก
- ให้ข้อมูลที่กระช้บ เข้าใจง่าย เพราะคนนั้นอาจจะไม่ได้มอง Banner Ad นาน เพราะฉะนั้นข้อความสื่อสารที่ครีเอทีฟ เข้าใจง่ายจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ให้ข้อความนั้นเข้าไปในใจคน
- ชัดเจน เนื้อจากพื้นที่ Banner Ads นั้นไม่ได้มีพื้นที่มาก การสื่อสารที่ชัดเจน และการทำ Banner ไม่ให้มีความรกเกินไปจึงเป็นสิ่งสำคัญ การให้ข้อความที่ชัดเจนว่าต้องการจะบอกอะไรและตอกย้ำภาพลักษณ์ของแบรนด์จะทำให้คนนั้นจดจำได้ได้ ซึ่งจะดึงให้เข้าสู่ Call To action ต่อไป
จากการทำ Banner เหล่านี้ ทำให้เราสามารถขยายความสามารถของ Banner เหล่านี้เข้าสู่ยุคของ Personalised Marketing ได้ง่ายขึ้น ทำให้นักการตลาดสามารถปรับแนวคิดระหว่าง Programmatic Advertising เข้ากับ Banner Ad จนทำ One to One Marketing ได้ ซึ่งหากนักการตลาดสามารถจำแนกกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการออกจากกันได้ชัดเจน ด้วย Programmatic นี้จะทำให้ Creative ที่ถูกสร้างมาใน Banner Ad ที่ Target กลุ่มคนเหล่านี้จะสื่อสารได้ดีขึ้น ตรงใจความต้องการกลุ่มคนเหล่านี้ได้มากขึ้นไปอีก การสร้างครีเอทีฟ Banner Ad ที่สามารถปรับเปลี่ยนไปตามความสนใจของกลุ่ม target ได้ (Dynamics Banner) หรือมีความพร้อมที่จะ optimise ใน Banner Ad นั้นไปตามเครื่องมือหรือช่องทางต่าง ๆ ทำให้ Banner Ad นั้นจะได้ผลมากขึ้นจาก Best Practice ที่ Google ให้มานั้นสามารถนำมาใช้คู่กับการ test อย่างที่ตอนต้นได้บอกไป และทำการ Optimise Banner Ad นั้นให้ดีมากขึ้นเข้าไปอีก ซึ่งข้อดีของการทำ Digitial Marketing นั้นคือการไม่ต้องรอให้ Campaign จบลงแล้วถึงรู้ผลเหมือนใน Traditional Campaign แต่สามารถปรับเปลี่ยนและปรับผลได้ทันทีเมื่อมีผลข้อมูลเข้ามา
การทำ Banner Ad นั้นจะเห็นได้ว่ามีวิธีการมากมายที่ทำให้ได้ผลดี แต่หลาย ๆ ครั้งนักการตลาดหลงลืมหรือไม่ได้ทำการ optimise Banner นั้นไป ทำให้ Banner Ad นั้นไม่ effective หรือรู้สึกว่า Creative นั้นไม่ดี ทั้ง ๆ ที่สามารถ optimise Banner เหล่านั้นให้ดีขึ้นได้ทันที และทำให้ได้ผลที่ดีขึ้นได้ทันทีจากข้อมูลต่าง ๆ ที่มีในยุคปัจจุบัน อย่าทำแค่ Banner Ad แล้วปล่อยไปในโลกออนไลน์เฉย ๆ แต่จงทำ Banner ที่มีวัตถุประสงค์ชัดเจนและวางเป้าหมายชัดเจนว่าทำทำไม เพื่อใคร และอย่างไร