ในตอนนี้นั้นมีแนวคิด ที่เรียกว่า machine customers หรือ ซึ่งแต่เดิมถูกมองเป็นแนวคิดเสริมจาก IoT หรือ Internet of Things แต่ตอนนี้ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของกลุ่มเป้าหมายที่ถูกขับเคลื่อนโดย Attention จากสื่อต่าง ๆ ที่ป้อนให้ กลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ขับเคลื่อนด้วย AI และกำลังเปลี่ยนแปลง Media consumerise landscape อย่างรวดเร็ว รวมถึงคนทำการตลาด Retail นักการตลาดและเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมต่าง ๆ
Machine customers ไม่เหมือนผู้บริโภคทั่วไปที่ใช้ Emotional Drive ในการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ แต่ใช้การ Data Analysis เรียนรู้จากความต้องการและพฤติกรรมของผู้ใช้งาน ทำให้การเลือกซื้อสินค้าและบริการที่สอดคล้องกับความต้องการของมนุษย์โดยปราศจากอารมณ์ ธุรกิจจึงต้องปรับตัวเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าประเภทนี้ที่ขับเคลื่อนด้วย Data และมีจุดมุ่งหมายด้านความคุ้มค่าและประสิทธิภาพ
ทุกวันนี้ AI ทำหน้าที่เป็น Agents ในการตัดสินใจแทนกลุ่มเป้าหมายในการซื้อ โดยสามารถประเมิน ตัดสินใจ และทำธุรกรรมโดยอัตโนมัติ เช่น ตู้เย็นอัจฉริยะที่สั่งซื้อของใช้ในครัวเรือน หรือรถยนต์ไร้คนขับที่จัดการเรื่องการบำรุงรักษาตนเองได้ลูกค้าเหล่านี้มีศักยภาพในการเป็นผู้ซื้อที่มีอิทธิพลสูง ทั้งในแง่ของปริมาณและอำนาจการซื้อ
ข้อมูลจาก Gartner ชี้ว่า ภายในปี 2030 รายได้ประมาณ 15% ถึง 20% ของบริษัทอาจมาจาก Machine customers ความเปลี่ยนแปลงนี้ เป็นสิ่งจำเป็นที่ธุรกิจจะต้องรีบปรับตัวเพื่อรองรับลูกค้าที่ทำงานด้วย Algorithm และข้อมูล แทนที่จะใช้แรงจูงใจแบบมนุษย์ ในธุรกิจ โรงงานและสำนักงานหลาย ๆ ที่ กำลังนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้งานเช่นกัน เช่น โรงงานที่สั่งซื้อวัตถุดิบอัตโนมัติเมื่อสินค้าคงเหลือต่ำลง ตัวอย่างเหล่านี้แสดงถึงอนาคตที่การสั่งซื้อด้วย AI ช่วยเสริมสร้างการทำงานให้มีประสิทธิภาพ เพิ่มประสิทธิผลในการจัดการห่วงโซ่ Demand Suply ลดการปล่อย Carbon และกำหนดนิยามใหม่ให้กับ Customer Experience และธุรกิจ
Machine customers แตกต่างจากมนุษย์อย่างมากในการตัดสินใจที่ปราศจากอารมณ์และ Bias ธุรกิจที่ต้องการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้ต้องพิจารณา Strategy ใหม่ ๆ และนำปัจจัยของ Machine customers มาพิจารณาในแผนการตลาด ซึ่งหมายถึงการลงทุนใน Data เชิงลึกและ AI เพื่อเข้าใจรูปแบบการซื้อของ Machine customers รวมถึงการ optimise สินค้าและบริการให้เหมาะสมกับ Machine customers เหล่านี้ การยอมรับความเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถรองรับทั้งลูกค้ามนุษย์และ Machine customers และเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการเติบโตและนวัตกรรมในตลาดที่ขับเคลื่อนด้วย AI มากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงไปสู่การซื้อขายที่ขับเคลื่อนด้วย AI ไม่ใช่เพียงแค่แนวโน้มใหม่ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานที่ส่งผลให้การขายและการบริโภคสินค้าและบริการต้องได้รับการปรับเปลี่ยน โดยมีผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเป็นวงกว้าง ตั้งแต่การปรับปรุงการดำเนินงาน ไปจนถึงเกิด paradigm shift ใหม่ในตลาด
การเข้าใจการเปลี่ยนแปลงจากลูกค้าที่เป็นมนุษย์ไปยังการเป็นลูกค้าที่เป็นเครื่องจักร เป็นเรื่องจำเป็นอย่างมากสำหรับการทำธุรกิจในอนาคต ซึ่งเส้นแบ่งระหว่างลูกค้าที่เป็นมนุษย์และลูกค้าที่เป็นเครื่องจักรจะเริ่มเลื่อนรางขึ้นเรื่อย ๆ และจะทำให้เกิดการเปลี่ยนในการซื้อขายใหม่ในที่สุดขึ้นมา ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลานี้คือ
- ลูกค้าที่ถูกกำหนดไว้ (ปัจจุบัน): มนุษย์กำหนดกฎเกณฑ์ และเครื่องจักรทำตามโดยการสั่งซื้อสินค้าตามที่ตั้งค่าไว้ ตัวอย่างเช่น อุปกรณ์อัจฉริยะในปัจจุบันที่จัดการการสมัครสมาชิกหมึกพิมพ์อัตโนมัติ
- ลูกค้าที่ปรับตัวได้ (ปี 2026): เครื่องจักรจะทำงานร่วมกับมนุษย์ในการตัดสินใจที่เหมาะสมที่สุดจากตัวเลือกที่กำหนด เช่นระบบบ้านอัจฉริยะที่สามารถเลือกผู้ให้บริการพลังงานที่เหมาะสม
- ลูกค้าอิสระ (ปี 2036): เครื่องจักรจะเป็นผู้ตัดสินใจหลัก โดยสรุปความต้องการและสั่งซื้อจากความเข้าใจที่ซับซ้อน เช่น ผู้ช่วย AI ที่จัดการงานประจำวันของผู้ใช้
การเปลี่ยนแปลงนี้นำมาซึ่งทั้งโอกาสและความท้าทายสำหรับธุรกิจ ตลาดผู้บริโภคไม่ใช่แค่เป็นมนุษย์อย่างเดียวอีกต่อไปพฤติกรรมของเครื่องจักรมีบทบาทเพิ่มขึ้นในการตัดสินใจซื้อของตลาด Machine customers เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตในอนาคตการปรับเปลี่ยนวิธีการและกลยุทธ์เพื่อรองรับจะกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจที่ต้องการที่จะอยู่รอดและเติบโตในอนาคต