คงไม่ต้องบอกกันอีกแล้วว่า Facebook นั้นมีความสำคัญอย่างไรต่อการทำธุรกิจ โดยเฉพาะเมื่อ Facebook ได้เปิดให้มี Facebook Advertising ที่จะนำแบนเนอร์ หรือข้อความที่คุณต้องการโฆษณาไปแสดงให้ผู้งานทั่วไปได้เห็น หลายๆ แบรนด์ก็เริ่มจริงจังกันมากขึ้น ซึ่งการทำตลาดและประชาสัมพันธ์ผ่าน Facebook ก็ถือว่าเป็นวิธีที่ดี มีประสิทธิภาพสูง และควบคุมค่าใช้จ่ายได้ รวมถึงเจาะกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด
คราวนี้มาดูกันว่า ถ้าคุณต้องการทำตลาดใน Facebook จริงๆ ควรจะเขียนคำโฆษณาอย่างไรให้ได้ผลดีที่สุด ดังนี้
1. เขียนโดยผู้เชี่ยวชาญ
ถ้าองค์กรของคุณมีทีมการตลาดที่เชี่ยวชาญ หรือ Copy Writer มือฉมัง พวกเขาจะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยคุณได้แน่นอน แต่ในขณะเดียวกันการทำโฆษณาใน Facebook ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้บริโภคอาจจะมองแค่ผ่านๆ และเลื่อนออกไปไกล ก่อนจะโพสก็ควรตรวจสอบให้ดีเสียก่อน หรือสอบถามความคิดเห็นจากหลายๆ คน
2. ตรงประเด็น
ดั่งสุภาษิตที่ว่า “น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหลงเหลง” ถ้าคุณต้องการขายสินค้าจริงๆ ก็ไม่ควรเกริ่นอะไรยาวๆ จนจับใจความไม่ได้ คุณต้องปรับข้อความใหม่ ต้องง่าย สั้น กระชับ ต้องทำให้ผู้บริโภคต้องการคลิกต่อทันที
3. แก้ปัญหาได้
จุดเริ่มต้นของการซื้อสินค้าคือ ปัญหา และสิ่งที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น ผู้บริโภคต้องการทราบว่าสินค้าของคุณจะแก้ปัญหาที่พวกเขาเจอได้อย่างไร หรือถ้าใช้แล้วชีวิตจะดีขึ้นหรือไม่ ในการเขียนโฆษณา คุณจึงต้องระบุจุดเด่นว่าสินค้าชิ้นนั้นๆ จะช่วยแก้ปัญหาได้จริง อาทิ “ลดการขาดร่วงของเส้นผม ภายใน 3 วัน” “ซักผ้าได้สะอาดล้ำลึกกว่าเดิม 7 เท่า” และยิ่งถ้ามีตัวเลขอยู่ด้วย จะทำให้เป็นที่สะดุดตามากขึ้น
4. นำข้อ 1-3 มารวมกัน
จากที่กล่าวไปข้างต้น นั่นคือ 3 กลยุทธ์ในการเขียนโฆษณาใน Facebook ให้ประสบความสำเร็จ หากคุณเป็นผู้ประกอบการมือใหม่ ก็ให้นำ 3 อย่างนั้นมารวมกัน พยายามใช้ความคิดสร้างสรรค์ที่มี เชื่อมต่อผู้บริโภคให้ได้ อาจจะฟังดูยากเกินไป แต่จริงๆ คุณก็ทำได้
5. เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
สั้น คม และตรงประเด็น นี่คือส่วนสำคัญที่สุด บางครั้งแค่ประโยคเดียวคุณก็สามารถปิดการขายได้ เคล็ดลับเล็กๆ ที่เราอยากจะบอกคือ คุณต้องรู้กลุ่มเป้าหมายต้องการอะไร แล้วทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น
6. ตั้งคำถาม
การตั้งคำถามในที่นี้ หมายถึง คำถามที่จะช่วยแก้ปัญหาของผู้โภค และวิธีการแก้ปัญหาที่เป็นไปได้ ซึ่งต้องรวมอยู่ใน 1 ประโยค อาทิ “เบื่อ? เครียด? อ้วน?” “มองหาวันหยุดพักร้อนกับคนรักอยู่ใช่ไหม” “เบื่อการขัดห้องน้ำแบบเดิมๆ อยู่หรือเปล่า” เป็นต้น ซึ่งคำถามเหล่านี้จะใช้คัดกรองผู้บริโภคที่เข้ามาได้ง่าย
7. สร้างแรงจูงใจ
ถ้าต้องการสร้างการมีส่วนร่วมให้มากขึ้น วิธีที่จะให้คำตอบได้ดีคือ มอบคูปอง และข้อเสนอสิทธิพิเศษต่างๆ ซึ่งถ้าคุณคิดจะโพสเฉยๆ โดยไม่แจกจริง หรือของรางวัลไม่ตรงกับที่แจ้งไว้ ก็มีแนวโน้มว่าแบรนด์ของคุณจะเป็นที่รู้จักยิ่งกว่าเดิม แต่รู้จักในแง่ลบ เพราะทุกวันนี้ Social Media นั้นไปไกลกว่าที่คุณคิดมากนัก และไม่ได้จำกัดอยู่แค่ Facebook อีกด้วย ถ้าต้องการจัดกิจกรรมจริงๆ ก็พิจารณาให้ดีเสียก่อน ว่ามีความพร้อมหรือไม่อย่างไร