ปัญหาระหว่างฝ่าย sales กับ marketing เป็นมหากาพย์ที่ยากจะลงรอย ในต่างประเทศสองแผนกนี้เป็นแผนกแยกกันและมักทำงานไม่เข้าขากันเท่าไหร่นัก ส่วนในประเทศไทยสองตำแหน่งนี้มักเป็นคนเดียวกันแต่ก็จะเกิดปัญหาว่าพวกเขาแบ่งแยกไม่ออกว่างานส่วนไหนคือ marketing และส่วนไหนคือ sales ทำให้การทำงานขาดวิสัยทัศน์เพื่อให้บริษัทรุดไปข้างหน้า
ต่อไปนี้เป็นความลับ 7 ข้อที่กิจการ B2B (business to business) ควรทราบไว้เพื่อเพิ่ม ROI (Return on Investment) และเสริมสร้างการติดต่อสื่อสารระหว่างกันอย่างมีประสิทธิภาพ ชูววว์ แม้มันจะเป็นความลับแต่เราจะเปิดเผยให้คุณรู้ที่นี้เท่านั้น
1. ความแข็งแกร่งจากการจับตามอง
การพยายามให้สมาชิกทีมที่เก่งกาจสอนงานรุ่นน้องอาจไม่ใช่ความคิดที่ดีนักเนื่องจากคนเก่งมักไม่เข้าใจว่าทำไมพวกน้องๆ ถึงไม่เข้าใจเรื่องง่ายๆ ซะที ดังนั้น หลายครั้งจึงควรกระตุ้นให้น้องๆ หรือแม้แต่ตัวคุณเองจับสังเกตุมาร์เกตเตอร์หรือเซลล์รุ่นพี่ที่เก่งกาจ ฟังสิ่งที่เขาพูด ดูเอกสารที่พวกเขาดู และเรียนรู้จากการดีลของพวกเขา
2. สัญญาของฝ่ายเซลล์มีค่ายิ่งกว่าทอง
เมื่อเซลล์คนหนึ่งสัญญาอะไรกับลูกค้าไปแล้ว การที่คุณพยายามเปลี่ยนคำสัญญานั้นด้วยเหตุผลด้านงบประมาณ ตารางการทำงาน หรือกลยุทธ์นั้น ไม่เป็นการฉลาดเลย เซลล์เหล่านั้นจะพยายามรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับลูกค้าสุดชีวิต ดังนั้น แจ้งพวกเขาก่อนว่าอะไรที่พวกเขาทำได้และไม่ได้เพื่อกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดภายหลัง
3. ไม่มีใครชอบการประนีประนอม
ฟังแล้วอาจขัดหู แต่มาร์เกตเตอร์และเซลล์ทุกคนใฝ่หาความสำเร็จ ถ้าไม่แล้วก็ยอมล้มเหลวแล้วเริ่มโปรเจกต์ใหม่ดีกว่า งานของพวกเขาไม่มีคำว่า “พอกล้อมแกล้ม” “ไปได้พอใช้” มีแต่คำว่าสำเร็จงดงามหรือล้มเหลวหมดท่า ผู้นำของพวกเขาต้องกระตุ้นให้พวกเขารู้สึกหลังชนฝาและพุ่งทะลุกำแพงอุปสรรคออกไปเพื่อความสำเร็จเท่านั้น
4. ทีมขายโกหกและถูกลูกค้าหลอกเช่นกัน! แต่นั้นมีประโยชน์มหาศาลเชียว
ยอมรับซะเถอะว่าฝ่ายขายของคุณจะโกหกหากมีโอกาสเหมาะเจาะ
ไม่ว่าจะเพราะพวกเขาไม่รู้จักสินค้าจริงๆ หรือถูกเทรนด์มาไม่ดี เราก็ต้องยอมรับว่าพวกเขามุ่งเน้นที่โบนัส รายได้ ตัวเลขยอดขาย พวกเขาจึงไม่คิดมากหากต้องโกหกเล็กๆ น้อยๆ เพื่อปัดปัญหาที่น่ารำคาญบางอย่างออกไป ดังนั้น เป็นภาระสำหรับเจ้าของกิจการที่ต้องสร้างบรรยากาศของความซื่อสัตย์ให้เกิดในบริษัทของคุณ
5. มาร์เกตเตอร์ที่ดีเป็นสถาปนิกชั้นเยี่ยม
มาร์เกตเตอร์ที่ดีคือสถาปนิกชั้นเยี่ยม พวกเขาทำอะไรล่ะ? “ตกแต่งคุณค่าขององค์กรเสียใหม่ เปลี่ยนภาพลักษณ์นอกในขององค์กร สร้างฟันเฟืองที่จะหมุนนำรายได้เข้าองค์กร” การเข้าใจคอนเซปต์นี้จะทำให้คุณจ้างมาร์เกตเตอร์และเซลล์ได้ถูกคนถูกงาน
6. ทำงานเป็นทีม
เซลล์ปัจจุบันต้องการรู้ทิศทางมาร์เกตติ้งเพื่อให้พวกเขาทำตลาดได้ตรงจุด สิ่งที่คุณต้องป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นคืออย่างทำให้ฝ่ายเซลล์เสื่อมศรัทธาในฝ่ายมาร์เกตเตอร์ พยายามยิ่งกลยุทธ์ที่ทบทวนมาเป็นอย่างดีและชัวร์ว่ามันจะได้ผล ความผิดพลาดหลายๆ ครั้งจะทำให้พวกเขามองหน้ากันไม่ค่อยติดมากขึ้น
7. ฝ่ายเซลล์จะเล็งยอดขายในแต่ล่ะไตรมาศ
ฝ่ายเซลล์จะเล็งทำยอดขายให้ได้เป้าในแต่ล่ะไตรมาศและเป็นภาระของฝ่ายพวกเขาที่จะทำเป้าให้ถึงเพียงฝ่ายเดียว นั้นหมายความว่าพวกเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ดังนั้น มาร์เกตเตอร์จึงควรสำรองแผนเจ๋งๆ เอาไว้ให้ฝ่ายเซลล์ช่วงใกล้ๆ ปิดไตรมาศเพื่อเป็นแผนสำรองช่วยพวกเขาให้ทำยอดขายได้ทะลุเป้า