ขายอะไรดีในปี 2025? แชร์ 5 วิธีศึกษา insight ผู้บริโภค เรียนรู้ตลาด สร้างโอกาสใหม่ๆให้ธุรกิจ

  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  

ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การก้าวให้ทันเทรนด์และเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคถือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ และหนึ่งในคำถามยอดฮิตของพ่อค้าแม่ขายออนไลน์และเจ้าของธุรกิจก็คือ “จะขายอะไรดี? ในปี 2025” บทความนี้ Marketing Oops! ได้รวบรวม “5 วิธีหา insight เจาะลึกเทรนด์ตลาด” เพื่อช่วยให้เราค้นพบสินค้าสุดฮิต ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และคว้าโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในปี 2025 มาฝากกันเพื่อให้ได้ลองไปใช้ นับเป็นอีกตัวช่วยหาไอเดียใหม่ในปีใหม่นี้กันได้

1. ส่องเทรนด์สินค้าฮิตบนแพลตฟอร์ม E-commerce

แพลตฟอร์ม E-commerce ยักษ์ใหญ่ในไทยอย่าง Lazada, Shopee และ TikTok Shop คือขุมทรัพย์ข้อมูลชั้นดีที่ช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค ดังนั้นนี่จึงเป็นอีกช่องทางที่จะให้เราได้เข้าไปสำรวจดูว่าสินค้าประเภทไหนกำลังมาแรง สินค้าใดเป็นที่นิยม นอกจากนี้เรายังสามารถศึกษาข้อมูลเชิงลึกจาก “รีวิวสินค้า” เพื่อทำความเข้าใจข้อดี-ข้อเสีย มองหา pain point ของลูกค้าที่สินค้าในตลาดยังตอบโจทย์ไม่ได้ และนำมาพัฒนาสินค้าของเราให้โดดเด่นยิ่งขึ้นได้

ยกตัวอย่างเช่น หากเรากำลังสนใจขายสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ลองเข้าไปดูใน Shopee แล้วพบว่าสินค้าฮิตในส่วนของอาหารสัตว์คือ อาหารสุนัขแบบพรีเมียม จากการอ่านรีวิว เราอาจพบว่าลูกค้าหลายคนกังวลเรื่องคุณภาพของอาหารสัตว์เลี้ยง นี่จึงเป็นโอกาสในการนำเข้าอาหารสัตว์เลี้ยงเกรดพรีเมียมจากต่างประเทศ ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ปลอดภัย และมีคุณภาพสูง มาตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ได้นั่นเอง

วิธีนี้จะดียิ่งขึ้นไปอีกถ้าเรามีร้านค้าอยู่ในแต่ละแพลทฟอร์ม เพราะในแต่ละแพลทฟอร์มก็จะมีเครื่องมือที่จะช่วยให้ผู้ขายได้รู้เทรนด์ของผู้ซื้อ สามารถค้นหาสินค้าขายดีในหมวดหมู่ต่างๆได้อย่างแม่นยำมากกว่า อย่างเช่นใน Shopee ที่มี “ผู้ช่วยการขาย” เพิ่มขึ้นมาให้ได้ใช้งานกันด้วยนั่นเอง

นอกจากการศึกษาแพลทฟอร์ม E-Commerce ในไทยแล้วก็ อย่าลืมศึกษาเทรนด์สินค้าจาก E-commerce ระดับโลกอย่าง Amazon, eBay และ Alibaba เพื่อมองหาไอเดียสินค้าใหม่ๆ ที่ยังไม่มีขายในไทย และอาจกลายเป็นสินค้าขายดีในอนาคตได้ด้วย

2. ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เทรนด์ออนไลน์

ปัจจุบันมีเครื่องมือวิเคราะห์เทรนด์สินค้าออนไลน์ช่วยให้เราเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น และเครื่องมือเหล่านี้ก็จะมีให้ใช้ทั้งแบบฟรีและไม่ฟรีที่เราสามารถนำมาใช้หาเทรนด์ของสินค้าหมวดหมู่ต่างๆได้

ยกตัวอย่าง เครื่องมือยอดฮิตอย่าง Google Trends เครื่องมือฟรีที่ช่วยให้เราติดตามเทรนด์คำค้นหารูปแบบต่างๆได้ ซึ่งวิธีนี้ก็อาจจะช่วยให้เราได้ไอเดียสินค้าและบริการใหม่ๆในปี 2025 ได้ หากเริ่มต้นไม่ถูกก็ลองศึกษาคีย์เวิร์ดที่มาแรงจาก Year in Search 2024 หรือนำมาใช้วิเคราะห์หาอินไซต์ ด้วยคีย์เวิร์ดสินค้าที่เราสนใจ เช่น เปรียบเทียบความนิยมของสินค้าแต่ละแบรนด์ วิเคราะห์คำค้นหาตามพื้นที่ เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิธีการเหล่านี้สามารถคลิกอ่านที่ Tip&Trick การใช้ Google Trends สำรวจ Insight ผู้บริโภค ได้เลย

ยกตัวอย่างเช่นหากเราจะ ขายเสื้อผ้า ลองใช้ Google Trends วิเคราะห์คีย์เวิร์ด “เสื้อกันหนาว” เราจะเห็นแนวโน้มความนิยม ช่วงเวลาที่คนค้นหาเยอะที่สุด พื้นที่ที่มีความต้องการสูง และคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราวางแผนการตลาด เลือกสินค้า และกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการโฆษณาออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ในปัจจุบันก็ยังมีเครื่องมืออย่าง Social Listening Tools เครื่องมือฟังเสียงผู้บริโภคผ่านแพลทฟอร์มสื่อสังคอมออนไลน์หลากหลายแพลทฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น ZOCIAL EYE หรือ Mandala ช่วยให้เรารับฟังเสียงของผู้บริโภคบนโซเชียลมีเดียแพลทฟอร์มต่างๆ ติดตามคีย์เวิร์ดหรือ Hashtag ที่กำลังเป็นกระแส และนำข้อมูลเชิงลึกมาพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงใจลูกค้า หรือในปัจจุบันก็จะมีเครื่องมือแบบเฉพาะแพลทฟอร์มอย่างเช่น Kalodata เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกสำหรับร้านค้าใน TikTok โดยใช้โมเดล AI ขั้นสูงเพื่อประมวลผล และเรียบเรียงข้อมูลออกมาแสดงผลบน Dashboard ทำให้เรารู้ได้ว่า ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ที่กำลังมาแรง วิดีโอสั้นที่กำลังมาแรง สตรีมสดที่มีผู้คนชอบคืออะไรเป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่แพลทฟอร์มเหล่านี้ก็จะมีช่วงเวลาให้ได้ทดลองใช้งานฟรีกันอยู่ด้วย

3. ศึกษาจากรายงานพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่

รายงานพฤติกรรมผู้บริโภคจากแหล่งข้อมูลต่างๆ เป็นอีกหนึ่งแหล่งข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้เราเข้าใจความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน ว่าผู้คนต้องการสินค้าอะไร หมวดหมู่ใด ไม่ว่าจะเป็นรายงานจากแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆอย่างเช่น Grab ที่เพิ่งเปิดเผยข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคในบริการ Food Delivery และ Quick Commerce เผยให้เห็นถึง เมนูยอดนิยม ช่วงเวลาที่คนสั่งอาหารมากที่สุด และพฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์รวมไปถึงหมวดหมู่ของสินค้าที่ผู้คนนิยมมากที่สุด

นอกจากนี้เรายังสามารถใช้ข้อมูลจากรายงานจากสำนักวิจัยตลาดมาประกอบการหาไอเดียได้ด้วยเช่นกันอย่างเช่น ล่าสุด Milieu Insight (Thailand) ได้เผยแพร่รายงาน Insight ผู้บริโภคไทยในปี 2025 ชี้ให้เห็นว่าคนไทยให้ความสำคัญกับอาหารและเครื่องดื่ม การท่องเที่ยว และเทคโนโลยี โดยเฉพาะสินค้า Smart Home ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในปีหน้า

นอกจากนี้รายงานจากสถาบันการเงินในประเทศไทยก็เป็นข้อมูลที่น่าสนใจอย่างเช่นรายงานของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่เปิดเผยเทรนด์ธุรกิจในปี 2025 ที่มองว่า 3 ธุรกิจที่จะรุ่งในปี 2025 ก็คือธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวสุขภาพ-การแพทย์ทางไกล, ธุรกิจปล่อยคาร์บอนต่ำ รวมไปถึง ตู้กดสินค้าอัตโนมัติ ส่วนธุรกิจที่จะไม่ได้รับความนิยมก็คือ แฟชั่น-ของใช้ส่วนตัวทั่วไป, สินค้าปล่อยคาร์บอนสูง รวมถึงธุรกิจ สถาบันการศึกษาเป็นต้น ข้อมูลเหล่านี้สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมต่อได้

4. จับเทรนด์จาก Influencer และ Content Creator

Influencer และ Content Creator มีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค ลองติดตาม Influencer ในกลุ่มสินค้าที่เราสนใจหรือกำลังขายอยู่ สังเกตว่าพวกเขา รีวิวสินค้าอะไร พูดถึงแบรนด์ไหน และมีไลฟ์สไตล์แบบใด เพื่อนำมาเป็นไอเดียในการเลือกสินค้า และกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดต่อไป

ยกตัวอย่างเช่นหากเรากำลัง สนใจขายเครื่องสำอาง ลองติดตาม Beauty Blogger ชื่อดัง ดูว่าพวกเขาใช้ รีวิว และแนะนำเครื่องสำอางแบรนด์ใด เราอาจนำแบรนด์เหล่านั้นมาขาย หรือมองหาแบรนด์ใหม่ๆ ที่มีคุณภาพใกล้เคียงกัน แต่ราคาเข้าถึงง่ายกว่า มาเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าได้

นอกจากนี้เหล่า influencer เหล่านี้ยังเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการช่วยทำการตลาดที่มีประสิทธิภาพให้กับสินค้าใหม่ๆของเราได้ด้วยซึ่งในปัจจุบันเองประเทศไทยก็มี Influencer อยู่หลากหลายระดับหลากหลายราคาสำหรับรายละเอียดระดับราคาจ้างงานก็สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ “รู้จัก “อินฟลูเอนเซอร์” 5 ประเภทในไทย พร้อมเรทจ้างงาน”

5. อัปเดตเทรนด์ใหม่ๆ ในงาน Seminar และ Event

การเข้าร่วมงานสัมมนาและ Event ช่วยให้เราได้อัปเดตเทรนด์ ความรู้ และเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอซึ่งในแต่ละปีก็จะมีงานประเภทนี้จัดขึ้นเป็นประจำให้เลือกเข้าไปเข้าชมและเก็บเกี่ยวความรู้ซึ่งในแต่ละงานเหล่านี้ก็จะทำให้เราได้ติดตามเทรนด์สินค้าและบริการใหม่ๆรวมไปถึงเทรนด์พฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปีได้

ในแต่ละปีก็จะมีงานใหญ่ๆจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นงาน Marketing Oops! Summit งานใหญ่ประจำปีสำหรับคนสายธุรกิจและการตลาดที่มีข้อมูลดีๆอันแน่นอยู่ทุกครั้งและในปีนี้ก็จะจัดขึ้นอีกครั้งอย่างแน่นนอน นอกจากนี้ยังมีงานอย่าง iCreator Conference งานรวมพลคนดังในโลกออนไลน์ให้ศึกษาเทรนด์การทำคอนเทนต์ในโลกออนไลน์ยุคปัจจุบันหรือจะเป็นงาน DAAT DAY งานสัมมนาจากสมาคมสโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) ที่ก็มักจะมีข้อมูลดีๆให้ติดตามเสมอ

อย่างเช่นในงาน DAAT DAY 2024 ที่เพิ่งจัดขึ้นในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาก็มีการเปิดเผย 10 เทรนด์ E-commerce ประเทศไทย 2025 ซึ่งระบุว่า Shopee เป็นแพลตฟอร์ม E-commerce ที่ได้รับความนิยมสูงสุด และสินค้าขายดี ได้แก่ สินค้าแฟชั่น เครื่องสำอาง และของใช้ในบ้าน ข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการวางแผนธุรกิจของเราแน่นอน ข้อมูลเหล่านี้ก็สามารถเข้าไปอ่านกันต่อได้ที่ “สรุป 10 เทรนด์ “อีคอมเมิร์ซ ประเทศไทย 2025” จากงาน DAAT DAY 2024”

การหาสินค้ามาขายให้ประสบความสำเร็จ ต้องอาศัยการศึกษา วิเคราะห์ และเข้าใจตลาดอย่างรอบด้าน หวังว่า 5 วิธีที่นำมาฝากในวันนี้ จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคน และช่วยให้เราค้นพบไอเดียในการหาสินค้าและบริการมาขายตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างตรงจุดและสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจในปี 2025 ได้


  • 1
  •  
  •  
  •  
  •