ซีอีโอและผู้บริหารระดับตำนานของโลกหลายคนต่างกล่าวตรงกันว่าการลงทุนไหนก็ไม่คุ้มค่าเท่าการลงทุนในแบรนด์ของตัวเอง แม้ในระยะสั้น การลงทุนในแบรนด์จะดูไม่ทำให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม แต่ในระยะยาว สินค้าที่มีแบรนด์ของคุณจะไปได้สวยมากกว่า
สำหรับผู้ประกอบการ SMEs หรือผู้ที่อยากเริ่มธุรกิจของตัวเองแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องจ้างนักกลยุทธ์แพงๆ มาเพื่อทำแบรนด์ของตัวเองหรอก (แต่หากธุรกิจของคุณใหญ่ขึ้นก็อาจมีความจำเป็น) ลองอ่านคำแนะนำ 5 ข้อนี้จากเราดูก่อนดีกว่าครับ
1.สร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่เป็นมาตรฐาน
หากพูดถึงโค้ก คุณจะจำอะไรได้บ้าง? สีแดง อักษร Coca-Cola เส้นโค้งที่พริ้วไหวดูรื่นเริง ทั้งหมดที่กล่าวมาคือสิ่งที่โค้กต้องพยายามรักษาและสื่อสารสัญญะเหล่านี้ออกมาทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นบนโซเชียลมีเดีย บนโทรทัศน์ บทแพคเกจของตัวเอง คุณต้องรักษา หนึ่ง สีสัน สอง fonts อักษร สาม บรรทัดฐาน และสร้างประสบการณ์ที่เหมือนเดิมให้แก่ผู้บริโภคไปเรื่อยๆ
2.มอบหมายให้หนึ่งคนดูแลเรื่องมาตรฐานแบรนด์
เมื่อคุณมีมาตรฐานของแบรนด์แล้ว หาใครสักคนที่เป็น “องครักษ์” รักษามันสิ! คนๆ นี้จะเป็นคนที่ข้องเกี่ยวกับทุกอย่างของธุรกิจคุณที่เกี่ยวกับแบรนด์ ตั้งแต่การออกแบบแพคเกจ การสร้างสรรค์แคมเปญใหม่ การบริการลูกค้า โดยมีจุดมุ่งหมายเดียวคือ “อย่าให้มาตรฐานแบรนด์บิดเบี้ยวไปเป็นอันขาด”
3.สร้างเรื่องเล่า
พลังแห่งเรื่องเล่านั้นไม่ได้จำกัดเฉพาะแบรนด์ใหญ่ๆ หรอกนะครับ แชร์เรื่องราวความสำเร็จและความลำบากลำบนกว่าจะมาเป็นธุรกิจของคุณได้ทุกวันนี้ ลง case studies และสิ่งอื่นๆ ที่มีอิทธิพลกับลูกค้าของคุณ สร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขา ทำให้พวกเขาซาบซึ้ง แล้วพวกเขาจะบอกต่อเรื่องราวของคุณออกไปเองแหละครับ
4.Big data
คำว่า Big data ขณะนี้กลายเป็น buzzwords ที่มาแรงมากในวงการดิจิตอลมาร์เกตติ้ง หมายความว่าคุณต้องมีข้อมูลมากมายและรอบด้านในการวิเคราะห์และสร้างกลยุทธ์คอนเทนต์มาร์เกตติ้งของคุณ แต่ก็ใช้ว่าจะมีแต่แบรนด์ใหญ่ๆ ที่ทำคอนเทนต์มาร์เกตติ้งได้นะ ลองหาของฟรีอย่าง Google Analytics แล้วค่อยศึกษาว่าแต่ล่ะค่ามีความหมายว่าอย่างไร แล้วคุณจะได้ มองหาว่า stats ไหนที่จะเหมาะสมกับบริษัทของคุณมากที่สุดแล้วสรุปความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นมาเป็นรายงานประจำเดือน
5.เข้าไปเกี่ยวข้องกับชุมชน
วางตัวเองให้เป็นผู้สร้างคอมมิวนิตี้ ผู้คนที่มาเยี่ยมแบรนด์ของคุณจะรู้สึกว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ไม่ใช่เพียงผู้สังเกตการณ์ วิธีการ? ก็ผ่านแคมเปญต่างๆ ที่คุณจะทำ เช่น หากคุณเป็นแบรนด์เครื่องสำอาง ลองทำแคมเปญที่ชวยผู้อ่านมาค้นหาว่าพวกเขามีผิวหน้าแบบไหน (และแน่นอน) เหมาะกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางตัวไหนของคุณ