หลังจากทำงานให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก พนักงานหลายคนก็เริ่มทะเยอทะยานอยากออกมาเป็นเจ้าของกิจการของตัวเอง ทำใจแข็งๆ และเดินไปวางซองขาวได้เลยครับ…แล้วเตรียมรับกับ 6 สิ่งที่ไม่มีใครบอกคุณว่าผู้ประกอบการจะเจอ (แต่คุณจะผ่านมันไปได้และเข้มแข็งกว่าเดิม)
1.การเป็นผู้ประกอบการนั้นว้าเหว่
เพราะทั้งบริษัทมีแต่คุณอยู่คนเดียว ไม่มีแผนกส่วนบุคคล แผนกบัญชี คุณจึงต้องทำงานคนเดียวอย่างเงียบเหงา นอกจากนั้นงานทุกอย่างก็ไม่สามารถสำเร็จได้หากคุณไม่ยื่นมือเข้าไปทำ วิธีแก้คือคุณอาจจะจ้าง outsource มาทำงานที่คุณไม่ถนัด นอกจากนั้นก็อาจหา partner ธุรกิจมาร่วมคิดด้วยและอาจจ้างทีมเพิ่มเติมอีก
2.คนเก่งไม่มาหาคุณ
แน่ล่ะ บริษัทเล็กๆ ย่อมไม่สามารถดึงดูดคนเก่งๆ มาร่วมงานกับคุณได้ง่ายนัก วิธีแก้คือคุณต้องทำให้ตัวเองดูเจ๋งและแบรนด์ของคุณน่าร่วมงานด้วย บอกวิสัยทัศน์ของคุณต่อพวกเขาและบอกว่าพวกเขามีความสำคัญกับอนาคตของบริษัทอย่างไรบ้าง
3.หานักลงทุนยาก
คุณอาจคิดว่าจะมีนายทุนเงินหนามองเห็นศักยภาพธุรกิจไอเดียเจ๋งของคุณ จริงๆ แล้วมันหายากนะครับ ยิ่งคุณเป็นบริษัทเล็กๆ ที่ไม่มีเครดิตด้วยแล้ว ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มหาเงินทุนให้ถามตัวเองก่อนว่า “คุณค่า” ที่แท้จริงของธุรกิจของคุณคืออะไรกันแน่ อะไรที่คุณควรยอมให้นายทุนต่อรอง และข้อตกลงแบบไหนที่จะแฟร์กับคุณทั้งสองฝ่าย จำไว้ว่าข้อตกลงที่ดีบางครั้งไม่ได้อยู่ในรูปของเงินตราแต่อาจเป็นประสบการณ์หรือคอนเทนชั่นก็ได้
4.หาคนซื้อสินค้าก็ยากเหมือนกัน
การหาลูกค้าซื้อสินค้าคุณก็ยากขึ้นไปอีกเพราะพวกเขาไม่รู้จักคุณ จำไว้ว่าการสร้าง awareness ในระยะนี้ต้องอาศัยความต่อเนื่องและความอดทนมาก การปิดดีลก็จะยากกว่าที่คุณคิด ความยืดหยุ่นเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อไม่ให้คุณเสียลูกค้า
5.Cash is king
กระแสเงินสดเป็นหัวใจสำคัญของสตาร์ทอัพ ดีกว่าการได้รับสินเชื่อจากธนาคาร นั้นหมายความว่าการเก็บเงินจากลูกค้าได้เป็นสิ่งที่จำเป็นมากแต่บางครั้งลูกค้าก็ไม่ตอบสนองกับอะไรแบบนี้ตรงเวลาหรอก คุณอาจตัดความสัมพันธ์กับลูกค้าขี้โกงแต่ก็ต้องคิดให้ดีว่ามันคุ้มค่าแล้วเหรอกับการทำลายความสัมพันธ์สร้างยากเหล่านั้น
6.เงินส่วนตัวหายากมาก
แม้ผู้ประกอบการจะหวังเปิดธุรกิจเพื่อเป็นนายตัวเอง แต่อย่าลืมว่าต่อไปนี้ไม่มีใครจ่ายเงินเดือนคุณแล้วนะ นอกจากนี้คุณยังไม่มีวันหยุด โอที วันลา วันพักร้อน ยกเว้นแต่คุณจะมีพาร์ทเนอร์ที่ช่วยแบ่งเบาภาระออกไปได้บ้าง