Digital Transformation การปรับเปลี่ยนเพื่ออยู่รอดของธุรกิจในอนาคต

  • 17
  •  
  •  
  •  
  •  

ในบทความก่อนหน้าผมได้เคยมาเล่ากระบวนการทำ Digital Transformation ใน Agency ให้ฟังแล้ว ซึ่งในความจริงแล้วไม่ใช่เฉพาะ Agency เท่านั้นที่ต้องทำกระบวนการ Digital Transformation นี้ แต่เป็นในทุก ๆ องค์กรที่อยากจะอยู่รอด หรือสามารถแข่งขันได้ในอนาคตที่ Digital นั้นจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

Screen Shot 2558-11-29 at 8.01.37 PM

ในทุก  ๆ วันนี้เราจะได้ยินเรื่องการเกิด Disrupt ของ Business ต่าง ๆ มากมาย และทำให้ธุรกิจเก่า ๆ นั้นล้มไปหรือต้องสูญหายไปจากตลาดไป จริง ๆ แล้วกระบวนการ Disrupt ทางธุรกิจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาที่ผ่านมาในอดีตไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงจากฟิลม์มาเป็นกล้องดิจิตอล ที่ทำให้ธุรกิจกล้องดิจิตอลเติบโต และธุรกิจฟิลม์อย่างโกดักนั้นต้องล่มลงหรือ การเปลี่ยนแปลงจากมือถือปุ่มกด มาเป็นมือถือจอสัมผัส ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ Apple ผงาดขึ้นมา และ Nokia นั้นต้องขายธุรกิจทางมือถือทิ้งไป ทั้งนี้กระบวนการ disrupt ที่ผ่านมา ไม่ได้เข้ามามีส่วนในธุรกิจมากมายเท่ากับยุคดิจิตอลนี้ ประกอบกับการเกิด Disrupt ที่เกิดเป็นปกติและเป็นเทรนด์ในขณะนี้ ทำให้การทำ Dirsupt เป็นเรื่องปกติไป และกระบวนการแค่ทำ Disrupt ในองค์กรนั้นไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว

Screen Shot 2558-11-29 at 8.03.26 PM

ที่ผ่านมานั้นกระบวนการ Disrupt ได้พิสูจน์แล้วว่าทำให้บริษัทที่มีอายุขัยนั้นสั้นลงจาก 60 ปี มาเป็น 18 ปีและสามารถสร้างบริษัทที่มีมูลค่าเกินกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์นั้นสามารถเติบโตขึ้นมาภายในเวลาไม่กี่ปีเมื่อเทียบกับสมัยก่อนที่กว่าจะสร้างจนมีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านดอลลาร์นั้นอาจจะต้องใช้เวลากว่าทศวรรษหรือบางแบรนด์กว่าศควรรษที่จะมีมูลค่าขนาดนี้ ดังนั้นกระบวนการ Disrupt ที่เกิดขึ้นอย่างทั่วไปก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมในองค์กรที่จะต้องรับมือกับยุคดิจิตอลที่จะกลายเป็นของทั่วไปนี้ จึงเกิดเรื่องที่เรียกว่า Digital Transformation ขึ้นมาซึ่งกระบวนการทำ Digital Transformation นั้นคือกระบวนการนำเรื่อง Digital เข้ามาสอดแทรกในการบริหารจัดการองค์กรและการทำงานต่าง ๆ ในทุก ๆ แผนกและทุก ๆ คนซึ่งจะเริ่มต้นจาก Mindset จนถึงความเข้าใจว่าทำไมต้อง Digital Transformation ทั้งนี้เกิดขึ้นมาเพื่อทำให้

  • แบรนด์หรือองค์กรนั้นสามารถอยู่รอดได้ในอนาคตที่การ Disrupt นั้นเป็นเรื่องปกติและกระบวนการใช้ Digital กับ Technology ทำให้บริษัทนั้นสามารถมีความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง
  • เพื่อความมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้ Digital เข้ามาช่วยในกระบวนการทำงานนั้นทำให้องค์กรหรือแบรนด์ต่าง ๆ นั้นมีสามารถประหยัดเงินที่รั่วไหลจากกระบวนการต่าง ๆ หรือกระบวนการที่ไม่เกิดประโยชน์ได้มากมาย
  • เพื่อดึงดูดพนักงานที่มีความสามารถ เพราะการที่บริษัทมีประสิทธิภาพและมีความน่าสนใจทำให้พนักงานใหม่ ๆ หรือคนที่มีความสามารถอยากไปทำงานด้วย เพราะจะเป็นที่ ๆ เค้าได้แสดงความสามารถของตัวเองในยุคดิจิตอลนี้

ทั้งนี้เพื่อให้กระบวนการทำ Digital Transformation นั้นประสบความสำเร็จตัวองค์กรหรือนักการตลาดโดยเฉพาะ CEO หรือผู้บริหารใหญ่ทั้งหลายนั้นต้องเข้าใจหลัการต่อไปนี้นั้นคือ

Screen Shot 2558-11-29 at 8.06.15 PM

  1. เข้าใจประสบการณ์ของผู้คน โดยหยุดคิดในเรื่องการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ หรือว่าจะใช้เทคโนโลยีอะไร กับการหยุดคิดว่าจะมีไอเดียอะไรดี ๆ ที่คนจะชอบ แต่ต้องคิดว่าเราจะเข้าไปแก้ไขปัญหาอะไรให้ผู้บริโภค เพราะถ้าไอเดียดีแค่ไหนแต่ไอเดียนั้นไม่ได้แก้ไขปัญหาผู้บริโภคที่มีส่วนร่วมเหมือนกัน ไอเดียนั้นก็ไม่ประสบความสำเร็จ
  2. วัฒนธรรมองค์กร การมีวัฒนธรรมองค์กรที่ให้โอกาสความคิดเห็นต่าง ๆ หรือความเป็นไปได้ในความคิดต่าง ๆ นั้นเป็นเรื่องสำคัญ เปลี่ยนพนักงานจากการที่ทำงานวันต่อวันของบริษัท เป็นผู้ประกอบการภายในบริษัทและมีความรู้สึกเป็นเจ้าของบริษัทด้วย ตัวอย่างที่ดีคือ Google นั้นปล่อยให้พนักงานมีเวลาว่างเพื่อพัฒนาสินค้าหรือบริการใหม่ ๆ ที่ตัวเองสนใจขึ้นมา และหลาย ๆ อย่างก็กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ทุกวันนี้ หรืออีกตัวอย่างหนึ่งคือ Kodak เคยมีพนักงานที่คิดเรื่องกล้อง Digital มาตั้งแต่ปี 1975 แต่ไม่มีใครสนใจ โดยเฉพาะเจ้านายดันมาบอกว่าไร้สาระอีก จนบริษัทตามโลกไม่ทันแล้วต้องล่มลงไปจากตลาด
  3. ทำกระบวนการ Disrupt Business Model ตัวเองก่อนที่ใครจะทำ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการที่ Facebook นั้นให้พนักงานพยายามคิดอะไรก็ได้ที่จะมาฆ่าหรือทำลาย Facebook ลง เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์หรือธุรกิจนี้ก่อนที่จะมีใครทำขึ้นมา  ซึ่งเป็นการต้องห่าหรือทำลายสินค้าหรือบริการดังเดิมทิ้ง ทั้งนี้เราจึงเห็นการ Disrupt Business Model ต่าง ๆ มากมายที่เกิดขึ้นมา ที่ทำลายธุรกิจเดิมของตัวเองทิ้ง
  4. สร้าง Digital เข้าไปใน Core ของ Business องค์กร ต่อจากนี้ไป Digital นั้นจะไม่ใช่หน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง หรือแผนกใด แผนกหนึ่งในองค์กระ แต่จะกลายเป็นเรื่องที่ทุก ๆ แผนกต้องเรียนรู้และใช้งาน พร้อมมีความเข้าใจเหมือนกัน เมื่อมีความเข้าใจในเรื่องความสำคัญและใช้ Digital เป็นในทุก ๆ แผนกแล้ว ก็ยังต้องส่งต่อเพื่อหาความร่วมมือกับภายนอกในการสร้าง Accelerator  เพื่อได้ Startup หรือบ่มเพาะธุรกิจใหม่ ๆ ที่จะสามารถสร้างโอกาสให้ธุรกิจของตัวเองเติบโตต่อไปได้อีกด้วย เช่นดัง BMW ที่มี BMW Startup garage หรือ Unilever ที่ Foundry 50
  5. ฝันให้ไกล ทำให้สั้น นั้นคือการวางแผนวางหน้าว่าอนาคตอันไกล องค์กรหรือแบรนด์เรานั้นจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่การวางแผนหรือเป้าหมายนั้นต้องมี Roadmap ที่ชัดเจนว่าจะเกิดอะไรขึ้นในระยะเวลาต่าง ๆ เช่น ทุก 90 วันองค์กรหรือแบรนด์จะต้องมีความเปลี่ยนแปลงอย่างไร เพื่อให้องค์กรหรือแบรนด์นั้นสามารถเดินทางไปสู่เป้าหมายได้มีประสิทธิภาพและไปได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย ซึ่งถ้าล้มก่อนก็มีโอกาสแก้ตัวเร็วกว่าหรือมีบทเรียนเร็วกว่า ดังคำที่ Startups บอกนั้นคือ Fail Fast Succeed Faster
  6. จ้างคนที่มีความเข้าใจในเรื่อง Digital เข้ามาเปลี่ยนองค์กรหรือให้คำปรึกษาในระดับบริหาร ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใช้กันเพื่อการเปลี่ยนแปลงบริษัทที่ทำให้เข้าใจ Digital มากพอ ด้วยการจ้างคน Digital เข้ามาช่วยบริหาร เช่น Disney ที่มีคนจาก Twitter หรือ Facebook นั้นเป็น Board อยู่ หรือ McDonald ที่จ้างอดีตผู้บริหาร Amazon และ Yahoo ไปนั่งเป็น Cheif Digital Officer มาตั้งแต่ปี 2013 และฟอร์มทีมพนักงานด้วยคนที่มาจากธุรกิจออนไลน์ทั้งหลายต่าง ๆ หรืออย่างเช่นตัวอย่างที่ดีในการหาเสียงแบบใหม่ของนักการเมืองอย่าง Obama ที่ได้คนจาก Facebook มานั่งเป็นที่ปรึกษาในเรื่องการใช้ Digital นี้
  7. การใช้เครื่องมือทาง Agile ต่าง ๆ ขึ้นมา เพื่อให้สามารถทำงานได้เร็วขึ้น ตัดสินใจได้เร็วขึ้น ทันต่อความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเครื่องมือการทำงาน Digital ต่าง ๆ ที่มีความ Realtime มากขึ้น

Screen Shot 2558-11-29 at 8.07.25 PM

ทั้งนี้ 7 ข้อนี้เป็นหลักการง่าย ๆ ในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจตัวเองไปสู่การเป็นบริษัทหรือองค์กรที่มีความเป็น Digital เต็มตัวในระดับการทำงาน เพื่อความอยู่รอดในอนาคตและการที่จะเติบโตในอนาคตที่ทุกคนนั้นต้องถูกให้บีบให้เปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน


  • 17
  •  
  •  
  •  
  •  
Molek
Head of Strategic Marketing ใน Integrated Service Agency ที่หนึ่ง ผู้หลงใหลในหลาย ๆ ที่มีความอยากรู้และเรียนรู้ในเรื่อง Startup, นวัตกรรม, การตลาด จากมุมมองหลาย ๆ ด้านและวัฒนธรรมของแบรนด์ต่าง ๆ