โลกเราทุกวันนี้ที่ Digital เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และสิ่งหนึ่งที่เกิดตามคือการเกิดของ Content ใหม่ ๆ และตลาดใหม่ ๆ มากมาย สิ่งหนึ่งในนั้นคือ Video Content ซึ่งจากการที่คนนั้นดูโทรทัศน์และ Cable TV ต่าง ๆ ก็เปลี่ยนมาดูผ่านโลกออนไลน์แทน ผ่าน Youtube, Vimeo และ Dailymotion เมื่อความสนใจของู้บริโภคเปลี่ยนจากการดูทีวีมาเป็นผ่านคอมพิวเตอร์ และต้องการเสพเนื้อหาพวกนี้ทุกที่ทุกเวลา จึงทำให้เกิดบริการที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบ TV และ Cable ลงมาสู่การใช้ Digital ซึ่งนั้นคือ Streaming TV และด้วย Streaming TV หรือ Streaming Content นี้เองที่ทำให้เกิด Trend แบบนึงที่เห็นในต่างประเทศมานานและกำลังเกิดขึ้นในกลุ่มคนไทยคือ Cutting the cord
ความโชคดีของผมคือการได้รู้จักคนในสายงานต่าง ๆ มากมายซึ่งหนึ่งในนั้นคือสายงาน Startups และทำให้ได้รู้จักกับคุณเอ วรวิสุทธ์และคุณปืน กษิดิศ ที่ได้ทำ Startups ที่เป็น Streaming Video Content ต่าง ๆ ในชื่อ Prime time และแนะนำให้รู้จักคำว่า Cutting the cord ซึ่งเป็นเทรนด์และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโลกตะวันตกที่คนนั้นดูโทรทัศน์หรือเคเบิลทีวีต่าง ๆ นั้นน้อยลงและหันมาดูเนื้อหาต่าง ๆ ผ่านระบบ Streaming ผ่าน internet กัน ด้วยความที่พฤติกรรมของผู้บริโภคนั้นเปลี่ยนไปจากการที่มีความอดทนในการเฝ้ารอและบริโภคเนื้อหาต่าง ๆ ตามเวลาได้ ด้วยการมาของ internet ที่เกิดขึ้นทำให้ความอดทนของผู้บริโภคนั้นหมดลง และต้องการบริโภคเนื้อหาได้ทุกที่และทุกเวลา การบริโภคเนื้อหาวิดีโอก็เช่นกันที่คนนั้นอยากบริโภคเนื้อหาเหล่านี้ได้ทุกที่ ทุกเวลา อยากดูภาพยนตร์หรือซีรีย์เมื่อไหร่ก็ได้ดู
การเกิดขึ้นของ Cutting the cord นั้นเกิดขึ้นพร้อมกับการมาถึง Streaming TV ต่าง ๆ ในยุคแรก ๆ ที่มี Tivo เกิดขึ้นและการมาถึงกระแสของ Netflix ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงในระบบอุตสาหกรรมทีวีของอเมริกาอย่างมาก ทำให้อุตสาหกรรมทีวีนั้นต้องปรับตัวอย่างมากมายและต้องทำการเปลี่ยนแปลงเพื่อรักษาตัวเองไว้ในยุค Digital ซึ่งไม่กลายเป็น Streaming TV เองก็กลายเป็นพันธมิตรกับ Streaming TV ทั้งหลายแทน พฤติกรรมของคนนั้นจึงหยุดที่จะต่อสายเคเบิลต่าง ๆ หรือการต่อสายเชื่อมต่อจานโทรทัศน์และสายอากาศต่าง ๆ ออก แล้วหันมาดูเนื้อหาทีวีหรือเนื้อหาวิดีโอต่าง ๆ ผ่านทาง Application หรือระบบ Streaming TV อย่าง Netflix แทน ซึ่งยิ่งนับวันระบบการแข่งขันของ Streaming TV นี้ก็รุนแรงมากขึ้น เพราะ Apple เองก็มี AppleTV , Google ก็มี Android TV หรือจะเป็นเนื้อหาเฉพาะทางต่าง ๆ เช่นกีฬา หรือ ซีรีย์ต่างๆ ก็สามารถ Streaming ผ่าน App ตัวเองได้ และทำให้คนนั้นดูเนื้อหาได้ทุกที่ทุกเวลา
ในเมืองไทยเองก็ตามเทรนด์นี้ก็กำลังมาอย่างเห็นได้ชัด นอกจาก AppleTV และ GoogleTV ที่คนรู้จักกันอยู่แล้ว ก็ยังมี App บริการต่าง ๆ อีกมากมายไม่ว่าจะเป็น Doonee, HollywoodHDTV, Truemovie, AIS movie store, HOOQ, Line TV, Primetime และ iflix ซึ่งกำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด ในขณะที่จ้าวตลาดโลกอย่าง Netflix กำลังเริ่มรุกคืบมายังแถวเอเซีย ซึ่งไปเปิดตลาดในเวียดนามและประเทศรอบข้างเราอย่างกัมพูชา ทำให้การแข่งขันเรื่อง StreamingTV หรือ App Video Content ต่าง ๆ จะรุนแรงขึ้น ซึ่งเรื่องนี้จะส่งผลกับนักการตลาดโดยตรง
แน่นอน TV นั้นคือสื่อที่ทรงพลังของนักการตลาดที่ชอบทำโฆษณาและสื่อทางการตลาดต่าง ๆ ทำให้เรามี TVC หรือการประกาศแทรกข่าวประชาสัมพันธ์มากมายในโทรทัศน์ แต่เมื่อวัฒนธรรม Cutting the cord เกิดขึ้นทำให้สื่อทางการตลาดที่ส่งผ่าน TV นั้นกลับไม่ได้รับการสนใจ จำนวนคนดูลดลง และ awareness นั้นลดลง นักการตลาดต้องหาทางสื่อสารกับผู้บริโภคผ่านทาง StreamingTV ต่าง ขึ้นมาแทน และจะมีกลยุทธ์อะไรในการสื่อสารในยุคที่ Digital มาแทน TV นี้ได้
ในงาน Advertisingweek ที่ผ่านมานั้น ทาง Jenny Schauer VP/Media Director ของ DigitasLBi ได้ให้ความเห็นทางการตลาดที่น่าสนใจว่าเมื่อยุค Cutting the cord มาถึง ทางเลือกของนักการตลาดนั้นมีอยู่ 2 ทางคือ หนึ่งคือการตั้งความหวังว่าวัฒนธรรม Cutting the cord นี้จะเข้าสู่สภาวะหยุดนิ่งก่อนที่จะเข้าสู่ระดับ Mass ทางเลือกที่ 2 คือการมองว่า Cutting the cord นั้นเป็นโอกาสทองของนักการตลาดที่จะเข้าหากลุ่มผู้บริโภคได้ง่ายขึ้นและเข้าถึงกลุ่มคนได้มากขึ้น ไม่ว่าจะที่ใดก็ตาม ทั้งนี้ในการจะเข้าถึงนี้กลยุทธ์ที่สำคัญในการทำการตลาดผ่านยุค Cutting the cord นั้นคือ
- การทำกลยุทธ์ Multiple Screen เพราะผู้บริโภคในยุค cuttine the cord นั้นคนต้องการดูเนื้อหาทุกที่และทุกเวลา ตามที่ผู้บริโภคนั้นต้องการ การสร้างเนื้อหาที่จะเข้าถึงได้ทุกที่และทุกเวลานั้นจะทำให้แบรนด์หรือเนื้อหาที่นักการตลาดนั้นสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการได้
- การทำกลยุทธ์ในเรื่อง Content ไม่ว่าจะมาจากรูปแบบไหนก็ตาม และเลือกกลุ่มเป้าหมายให้เหมาะกับตัวเอง นั้นคือการที่ผู้บริโภคนั้นสามารถเลือกเนื้อหาที่จะติดตามได้เองและดูได้อย่างต่อเนื่องโดยอาจจะไม่มีโฆษณาหรือการคั่นรายการระหว่างอย่างอื่นเหมือนในโทรทัศน์หรือเคเบิลทีวี การที่นักการตลาดสามารถสื่อสารทางการตลาดโดยเอาสินค้า แบรนด์ หรือบริการไปแทรกอยู่ใน Content ต่าง ๆ หรือสร้าง Content ที่ดูน่าสนใจเข้าไปได้จะสามารถสื่อสารกับกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการได้โดยตรง
- การทำกลยุทธ์กับผู้ให้บริการด้าน StreamingTV โดยการเข้าไปจับมือกับผู้ให้บริการตรง ๆ ว่าสามารถทำกิจกรรมทางการตลาดต่างอะไรเพื่อร่วมกันได้ไหม และทำให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ของผู้บริโภคกับ StreamingTV นี้ได้ง่าย ๆ มากขึ้น นักการตลาดจึงต้องมองการพิจารณาว่าจะสามารถทำอะไรกับผู้ให้บริการต่าง ๆ ได้มากขึ้น
- กลยุทธ์การเตรียมพร้อมกับการซื้อสื่อ Programmatic Advertising ซึ่งเป็นการซื้อสื่อโดยตรงกับผู้ให้บริการช่วงเวลาที่ขายบน StremingTV บางประเภทอย่าง TubeMogul โดยในเมืองไทยมีพันธมิตรอย่าง Sizmek ที่เป้นตัวกลางอยู่นั้นเอง ซึ่งทำให้นักการตลาดสามารถซื้อช่วงเวลาบน StreamingTV ได้เหมือนการซื้อสื่อออนไลน์เลยทีเดียว
ทั้งนี้เทรนด์เรื่อง Cutting the cord อาจจะไม่เห็นได้อย่างเด่นชัดในประเทศไทยตอนนี้ แต่ในอนาคตเมื่อผู้บริโภคยุคใหม่เติบโตขึ้น วัฒนธรรมและกระแสนี้คงเกิดขึ้นแน่นอน การเตรียมพร้อมรับมือและปรับตัวได้ทันนั้นทำให้เกิดโอกาสและความได้เปรียบทางการตลาดในยุคที่การตลาดต้องรวดเร็วอย่างมากทันที
httpv://www.youtube.com/watch?v=Tti6m_-VGWU