การวางกลยุทธ์ของแบรนด์นั้นมีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นการบอกว่าแบรนด์จะมีการเดินทางและการเติบโตอย่างไรให้ไปถึงเป้าหมายของแบรนด์ที่วางเอาไว้ได้อย่างมาก การมีการวาง Brand Strategy ที่ดี ไม่เพียงแต่จะสร้างความชัดเจนของแบรนด์ว่าจะสื่อสาร จะเติบโต หรือต้องการเป้าหมายอะไร จะทำงานร่วมกันอย่างไร กับคนทำงานแล้ว แต่ยังทำให้การสื่อสารไปยังใจของผู้บริโภคนั้นมีความชัดเจนขึ้นอย่างมากด้วย ซึ่งการที่จะทำให้กลยุทธ์แบรนด์ตัวเองแข็งแกร่งและวางรากฐานในระยะยาวได้นั้นต้องทำ 5 ข้อนี้คือ
1. จุดประสงค์ของแบรนด์ชัดเจน :
เริ่มจากตั้งคำถามว่า : ทำไมแบรนด์ของเราถึงมีอยู่? แบรนด์ควรมีเป้าหมายที่มากกว่าการหากำไรหรือรายได้ แต่เป็นเป้าหมายที่ผู้บริโภคหรือคนทำงานจะมีความรู้สึกร่วมไปกับแบรนด์เช่นการเปลี่ยนแปลงโลก การมีจุดประสงค์ที่ชัดเจนไม่ใช่เรื่องของการพูดเพื่อให้รู้สึกดีเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง ตัวอย่างเช่น รองเท้า TOMS ไม่ได้แค่ขายรองเท้าเท่านั้น แต่กำลังสร้างความแตกต่างในสังคมด้วยการมอบรองเท้าหนึ่งคู่ให้กับผู้ที่ต้องการทุกครั้งที่ขายรองเท้าได้หนึ่งคู่ จุดประสงค์ของแบรนด์คือ “หัวใจ” ของแบรนด์ อย่าลืมทำให้มันได้ยินได้ชัดเจน
2. วิสัยทัศน์และพันธกิจ :
วิสัยทัศน์ คือความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่แบรนด์ ต้องการไปให้ถึงให้ได้ และแบรนด์ควรที่จะสื่อให้เห็นชัดเจนและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเพราะเป็นการประกาศถึงความทะเยอทะยานระยะยาวของแบรนด์ ตัวอย่างเช่น Tesla มีวิสัยทัศน์ที่จะสร้างอนาคตที่ยั่งยืนด้วยพลังงานที่สะอาด Tesla ไม่ได้แค่ขายรถยนต์ แต่กำลังปฏิวัติการใช้พลังงานของโลก ส่วน พันธกิจ คือการนำวิสัยทัศน์มาใช้ในปัจจุบัน เป็นเรื่องของตอนนี้ การปฏิบัติการใดที่กำลังทำอยู่ทุกวันเพื่อไปสู่วิสัยทัศน์นั้น พันธกิจคือตัวชี้นำให้การปฏิบัติประจำวันของแบรนด์สอดคล้องกับความทะเยอทะยานใหญ่ๆ เช่น พันธกิจของ LinkedIn คือการเชื่อมโยงมืออาชีพทั่วโลกเข้าด้วยกันเพื่อทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทุกฟีเจอร์ที่เพิ่ม ทุกการอัปเดตนั้นล้วนเป็นการทำให้การเชื่อมโยงของมืออาชีพนั้นมีประสิทธิภาพและมีความหมายมากขึ้น
3. ใครคือคนที่ร่วมเดินทางนี้ไปกับคุณ? :
การเข้าใจ Audience ก็เหมือนกับการทำแผนที่การเดินทางในการผจญภัยของแบรนด์ การเข้าใจว่า Audience เป็นใคร? ต้องการอะไร? เมื่อแบรนด์รู้จัก Audience ก็จะสามารถปรับกลยุทธ์ของแบรนด์ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด
4. โดดเด่นด้วยคุณค่าที่แตกต่างของแบรนด์ (Unique Value Proposition) :
อะไรที่ลูกค้าจะได้รับจากแบรนด์เพียงคนเดียวเท่านั้น? นี่คือ UVP (Unique Value Proposition) ของแบรนด์ สิ่งที่ทำให้แบรนด์ เป็นแบรนด์ที่ผู้คนต้องเลือก มันไม่ใช่แค่สิ่งที่แบรนด์ทำ แต่เป็นวิธีที่แบรนด์ทำมันออกมาและทำให้ลูกค้ากลายมาเป็นแฟนที่ภักดี ตัวอย่างที่ดีคือ Apple ไม่ได้แค่ขายโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ขายประสบการณ์การใช้เทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ลูกค้ามองเห็นคุณค่าและยินดีที่จ่ายเงิน
5. ความสม่ำเสมอคือกุญแจสำคัญ :
กลยุทธ์แบรนด์จะดีแค่ไหนก็ไม่มีความหมายถ้าไม่สามารถดำเนินการให้สอดคล้องได้ การสื่อสารให้สอดคล้องกันทุกช่องทาง ตั้งแต่เว็บไซต์ไปจนถึง Digital และการบริการลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ ทุก Touchpoint กับลูกค้าเป็นโอกาสในการเสริมสร้างว่าแบรนด์ของตัวเองคือใครและมี Positioning อย่างไร การสื่อสารและการกระทำต่างๆ ที่สอดคล้องกันจะสร้างความทรงจำให้คนจดจำแบรนด์ว่าเป็นอะไร ไม่ว่าจะเจอแบรนด์ในช่องทางไหนก็ตาม
การสร้างกลยุทธ์แบรนด์ที่ชัดเจนและสื่อถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของแบรนด์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การทำให้แบรนด์โดดเด่นจากคนอื่น แต่มันคือการสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายและยาวนานกับลูกค้า แบรนด์ที่มีจุดประสงค์และพันธกิจที่ชัดเจน สร้างความแตกต่างให้กับลูกค้าและสามารถสร้างความผูกพันที่ลึกซึ้ง และท้ายที่สุด มันคือเส้นทางสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนในระยะยาว หากพร้อมที่จะสร้างแบรนด์ที่โดดเด่นและเป็นที่รักอย่างแท้จริง