เมื่อผู้บริโภคมีความสนใจที่จำกัด นักการตลาดปรับตัวอย่างไรดี

ในยุคนี้ที่มีข้อมูลมากมายที่หลั่งไหลไปหาผู้บริโภคนั้น และมีสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันต่าง ๆ ที่ต้องทำ ทำให้ผู้บริโภคมีความสนใจที่จะมีสมาธิหรือจดจ่อกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งนั้นสั้นลงเรื่อย ๆ ยิ่งเป็นการตลาดหรือโฆษณาแล้วนั้นยิ่งมีความสนใจที่จะอยากรู้อยากดูนั้นสั้นลงไปอีก ซึ่งทำให้นักการตลาดนั้นต้องปรับตัวอย่างมากมายจนต้องหาวิธีใหม่ ๆ ในการนำเสนอเนื้อหานั้น ๆ

จากยุคของโฆษณาทีวี จนมาถึงการทำ Online Advertising และเป็น Banner มา การตลาดหรือการทำโฆษณาเพื่อจะสื่อสารกับผู้บริโภคนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่งนั้นเป็นเพราะผู้บริโภคเปลี่ยนไปตามกระแสหรือการพัฒนาของโลกที่เปลี่ยน ที่เห็นได้ชัดคือการเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เป็นตัวกำเนิดพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เกิดมาเป็น Generation ต่าง ๆ ซึ่งจะมีความแตกต่างในทางความคิดและความสนใจของในแต่ละ Generation ที่แตกต่างกัน ยิ่งมาในยุคนี้ที่กลายเป็นว่าโฆษณาในรูปแบบเดิมนั้นไม่ได้ผล การบอกหรือประกาศนั้นไม่ได้ผล และการพูดอยู่ฝ่ายเดียวไม่ได้ผลอีกต่อไป ทำให้แบรนด์นั้นต้องปรับตัวอย่างมาก ซึ่งเมื่อมาในถึงยุคที่ผู้บริโภคนั้นต้องการความจริงใจจากแบรนด์ อยากรู้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ทำให้แบรนด์นั้นก็หันมาทำการตลาดผ่าน Content อย่างมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นคือจำนวน Content ที่มากมายที่เกิดขึ้นมานั้นต่างแย่งความสนใจจากผู้บริโภคซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Information overload สำหรับผู้บริโภค ทั้งนี้จึงทำให้ผู้บริโภคนั้นต้องหาตัวช่วยอย่างมากมายขึ้นมา

เมื่อเวลามีจำกัดแต่มีข้อมูลมากมายที่เกิดขึ้นมา ผู้บริโภคนั้นจึงต้องหาตัวช่วยที่จะมาช่วยในเรื่องการย่อยข้อมูลเหล่านี้เพื่อให้สามารถเข้าใจเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างง่ายในเวลาจำกัด หรือสามารถรับรู้เรื่องต่าง ๆ ได้ทันกระแส ซึ่งการที่ไม่อยากพลาดอะไรนี้ในศัพท์ทางการตลาดเองก็เรียกว่า FOMO (Fear of missing out ซึ่งก็มีคนบางกลุ่มชอบการที่จะไม่รับรู้อะไรเลยก็เรียกว่า JOMO หรือ Joy of missing out) เราจึงได้เห็นยุคนี้ที่อะไร ๆ ก็สามารถทำให้อ่านย่อ ๆ เพื่อเรียกความสนใจกัน หรือสรุปเรื่องราวมาให้อ่านกันก่อน และในไทยเองเราก็เห็นวิธีการเหล่านี้ใช้กันเพื่อสร้างความสนใจหรือดึงดูดให้ผู้บิโภคเข้าหาไม่ว่าจะเป็นจากแบรนด์ เว็บหรือเพจทั่วไป เช่น เพจสรุป หรือเว็บข่าวที่จะทำการย่อเนื้อหาไว้ และถ้าอยากอ่านต่อก็ให้กดอ่านต่อไป

ทั้งนี้เมื่อเวลามีค่ามากขึ้น ทุก ๆ วินาทีต้องถูกใช้ให้เป็นประโยชน์ ทำให้ผู้บริโภคนั้นมีทางเลือกที่จะว่าจะเลือกหรือไม่เลือกที่จะบริโภคเนื้อหาอะไรมากขึ้นไปอีก ถ้ามาได้เจอเว็บไซต์หรือเนื้อหาที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ก็จะมีความรู้สึกแย่ต่อแบรนด์ดังกล่าวไปเลย หรือถ้าได้เจอเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ผู้บริโภคที่จะทำการอ่านถ้ายาวมากไปผู้บริโภคจะทำการเลิกอ่านทันที เพราะต้องมีสิ่งอื่นให้ทำต่อไปในชีวิต ทั้งผู้บริโภคในยุคนี้ต้องการที่จะหาเจอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง มากกว่าการยัดเยียดหรือมีเนื้อหาทางการตลาดมากมายถาโถมทั้งนี้ การทำให้เนื้อหาเพื่อรองรับความต้องการผู้บริโภคนั้นจึงมีความสำคัญขึ้นมากในอนาคต

และเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนไป กับเวลาที่ผู้บริโภคจะมีความสนใจสิ่งต่าง ๆ นั้นน้อยลงเรื่อย ๆ การเกิดขึ้นของเทคโนโลยีผู้ช่วยนั้นทำให้การอ่านหรือการที่จะรู้ข้อมูลนั้นต้องทำผ่านเทคโนโลยีพวกนี้อีก ซึ่งในตอนนี้ที่เห็นได้ชัดคือ Chatbot หรือ Voice search ผ่าน Virtual assistant ซึ่งในต่างประเทศเองก็เริ่มมีการทำเนื้อหาจากฝั่งผู้ผลิตเนื้อหาผ่านทาง chatbot แล้ว หรือทำเป็น conversation เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคออกมา ทั้งนี้มีตัวอย่างของ Quartz เว็บ Content ชื่อดังที่ส่งเนื้อหาออกไปแบบ chatbot และถ้าอยากรู้หรืออยากอ่านต่อให้ส่งข้อความนั้นมาหา chatbot เพื่อทำการอ่านต่อ

httpv://www.youtube.com/watch?v=OgtRR0SYuBo

ดังนั้นนักการตลาดในยุคนี้จึงต้องเรียนรู้พฤติกรรมและเทคโนโลยีที่มีผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคให้มากว่าจะทำอย่างไรให้ผู้บริโภคสนใจหรือทำให้เครื่องมือเทคโนดลยีต่าง ๆ นั้นแนะนำเนื้อหาของเราให้ตรงกับความสนใจของผู้บริโภค ซึ่งผมมีคำแนะนำเริ่มต้นดังนี้

ทำเรื่อง SEO เพื่อรองรับการค้นหาตาม moment ของผู้บริโภคให้ดี และทำให้ตรงกับความต้องการของเครื่องมือต่าง ๆ ที่จะเอาไปแนะนำผู้บริโภค
สื่อสารเนื้อหาให้ตรง กระชับและอ่านแล้วเข้าใจว่าต้องการจะบอกอะไรในทันที ซึ่งหากต้องการให้ผู้บริโภคอ่านรายละเอียดให้สามารถตามไปอ่านต่อได้เอง
ระบุว่าเนื้อหาที่จะให้ผู้บริโภคอ่านนั้นใช้เวลาหรือต้องการความสนใจมากน้อบยเพียงไร และจะได้อะไรจากการบริโภคเนื้อหานั้น
ลองเทคโนโลยีใหม่ ๆ เปลี่ยนการอ่านให้กลายเป็นบทสนทนาผ่าน Chatbot หรือทำสรุปให้ผู้บริโภคได้ติดตามง่าย ๆ ต่อไป

ทั้งนี้ในยุคที่เครื่องมือและความสนใจของผู้บริโภคนั้นมีผลอย่างมาก นักการตลาดควรเรียนรู้ให้เท่าทันว่าผู้บริโภคนั้นต้องการอะไร เพราะอะไรที่เคยใช้ได้เมื่อวาน อาจจะใข้ไม่ได้เลยในวันนี้และพรุ่งนี้