นาทีนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าโทรศัพท์มือถือ หรือสมาร์ทโฟนนั้นสำคัญกับเรามากแค่ไหน การค้นหาผ่านมือถือก็มีบทบาทสำคัญขึ้นเรื่อยๆ ทุกขั้นตอน และทุกการตัดสินใจก่อนซื้อสินค้า โดยเฉพาะในนาทีสุดท้าย ข้อมูลที่ได้มาจากมือถือจะมีส่วนในการตัดสินใจเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์
จากคอลัมน์ของ John Cosley จาก Bing ได้นำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่รวบรวมมาจาก Microsoft และการวิจัยอื่นๆ ที่จะช่วยพัฒนาการทำ Mobile Ads และการค้นหาผ่านมือถือได้ นี่คือ 9 ข้อที่คุณควรรู้ถ้าจะทำตลาดผ่านมือถือ อีกทั้งยังช่วยให้คุณวางแผนแคมเปญได้อย่างตรงจุดยิ่งขึ้น
1. การค้นหาผ่านมือถือจะมีบทบาทต่อการตัดสินใจ
Microsoft Research และ IPSOS ได้เผยผลวิจัยเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้สมาร์ทโฟนของผู้ใช้ทั่วโลก ระบุว่า สมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์อื่นๆ จะมีอิทธิพลอย่างมากต่อการซื้อสินค้า โดยผู้บริโภคจะใช้มือถือ และอุปกรณ์พกพาตลอดเวลา ตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการช้อปปิ้งคือ การหาข้อมูล การสั่งซื้อ และการแชร์ประสบการณ์ต่างๆ
นอกจากนี้ ทางคณะผู้จัดทำยังได้ทำการศึกษาวิธีที่ผู้บริโภคค้นหาร้านค้า และการใช้อุปกรณ์ต่างๆ โดยติดตามจากผู้บริโภคจำนวน 12,000 คน ที่มีการใช้เครื่องพีซี และสมาร์ทโฟน เป็นเวลา 30 วัน (ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2014) พบว่าร้อยละ 10 และร้อยละ 22 จะเปลี่ยนจากการใช้พีซี มาใช้สมาร์ทโฟน แสดงให้เห็นว่า การค้นหาด้วยสมาร์ทโฟนยังสำคัญต่อกระบวนการซื้อสินค้าอยู่
ยกตัวอย่างเช่น การเลือกซื้อกล้อง ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะใช้ทั้งสมาร์ทโฟน และเครื่องพีซี โดยจะเปลี่ยนไปมาหลายครั้ง เพราะกล้องถือว่าเป็นสินค้าที่มีราคาแพง จึงต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนซื้อ
2. สถานที่ตั้ง
จากการสำรวจของ Nielsen – Nielsen’s 2014 Digital Consumer Report พบว่า 76% ของผู้บริโภคจะใช้สมาร์ทโฟนค้นหาร้านค้าในสถานที่นั้นๆ และจากการสำรวจของ comScore ระบุว่า 3 ใน 4 ของนักช้อปจะซื้อสินค้าจากร้านที่ค้นหาผ่านสมาร์ทโฟน
คำที่ใช้ค้นหาส่วนใหญ่ จะเป็นชื่อสถานที่ตั้ง และของที่จะซื้อ
3. ร้อยละ 70 ของผู้ซื้อ จะซื้อสินค้าภายใน 5 ชั่วโมง หลังจากการค้นหาผ่านมือถือ
ในเวลาเร่งด่วน หรือต้องการสินค้าในขณะนี้ สมาร์ทโฟนจะเป็นอุปกรณ์เดียวที่มีอิทธิพลต่อผู้ซื้อที่สุด ตราบใดที่มันยังอยู่ในมือพวกเขา จากการสำรวจของ Nielsen/Telmetrics/xAd พบว่า ผู้ใช้มักจะค้นหาร้านต่างๆ ขณะเดินทาง หรืออยู่ในรถยนต์ อันดับแรกพวกเขาอยากรู้วิธีการเดินทาง หรือแผนที่ที่จะไปยังร้าน
จากการสำรวจของ Microsoft Research พบว่า ผู้ใช้งาน 30% จะค้นหาร้านค้าผ่านสมาร์ทโฟน และอีก 25% จะใช้แท็บเล็ต ซึ่งจะซื้อสินค้าภายใน 1 ชั่วโมง
4. การค้นหาผ่านมือถือ ต้องสื่อสารกับผู้บริโภคได้ด้วย
จากผลการสำรวจของ Ipsos พบว่า 2 ใน 3 (61%) ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า Click-to-call คือสิ่งสำคัญที่สุดในการซื้อออนไลน์ การมี Click-to-call จะช่วยเพิ่มโอกาสทางการขายได้ นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังใช้สมาร์ทโฟนเพื่ออำนวยความสะดวกในการช้อปปิ้ง 25% ของนักช้อปจะใช้สมาร์ทโฟนในการชำระสินค้า
ยังไม่หมดเท่านี้ จากการสำรวจของ Google และ Nielsen ยังได้ระบุอีกว่า 93% ของนักช้อป จะใช้สมาร์ทโฟนเพื่อหาข้อมูล และสั่งซื้อสินค้า หรือบริการ
5. ตำแหน่งของโฆษณาก็สำคัญ
ตำแหน่งของโฆษณาก็เป็นปัจจัยสำคัญอย่างมากต่อ Click Though Rate หรืออัตราการคลิกต่ออัตราการเห็นโฆษณา และสำคัญต่อการค้นหาผ่านมือถืออย่างยิ่ง ด้วยหน้าจอที่มีขนาดเล็ก พื้นโฆษณาก็มีจำกัด เมื่อดูจากภาพด้านล่างนี้ จะเห็นว่าตำแหน่งของโฆษณานั้นมีความสำคัญมากเพียงใด เพราะการมีมากอาจส่งผลเสียก็ได้
จริงๆ แล้วก็มีหลายวิธีที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำโฆษณาออนไลน์ อาทิ การใช้คีย์เวิร์ด พาดหัวที่ดึงดูด ข้อเสนอหรือโปรโมชั่น เป็นต้น และอย่าลืมทดสอบลิ้งก์ หรือการใช้งานต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างจะถูกต้อง
6. แบ่งตามเพศ และอุปกรณ์
จากการเปิดเผยของ Bing Ads พบว่า การค้นหาสถานที่ส่วนใหญ่จะมาจากสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีอายุระหว่าง 25-34 ปี นั่นหมายความว่า เว็บไซต์หรือแคมเปญของคุณต้องพร้อมรองรับการใช้งานบนสมาร์ทโฟนด้วย
7. การค้นหาสถานที่ต้องค้นเจอสถานที่ใกล้เคียงในขณะนั้น
จากการสำรวจของ Nielsen’s 2014 Digital Consumer Report เผยว่า ผู้บริโภคจะคาดหวังกับการค้นหาสถานที่ในบริเวณใกล้เคียงจากตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ ในระยะ 8 กิโลเมตร ทั้งบนสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ซึ่งเมื่อเจอแล้วพวกเขาก็พร้อมจะไปทันที โดยเฉพาะร้านอาหาร
ถ้าคุณมีกลุ่มเป้าหมายอยู่ใกล้เคียงกับที่ตั้งร้าน ก็ลองใช้โปรโมชั่นง่ายๆ ในการดึงดูดลูกค้า เช่น จัดส่งฟรี หรือส่งสินค้าภายใน 1 วันก็ได้
8. การเปลี่ยน Mobile-To-PC ในการค้นหาสถานที่
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า ผู้บริโภคจะใช้ทั้งสมาร์ทโฟน และเครื่องพีซีในการค้นหาข้อมูลต่างๆ ซึ่งก็สอดคล้องกับข้อมูลของ Microsoft ที่ระบุว่า ผู้บริโภคจะค้นหา และใช้อุปกรณ์ที่แตกต่างกัน จากมือถือมาพีซี หรือจากพีซีมามือถือ
จากภาพที่เห็นด้านล่างนี้ จะแสดงตัวเลขการเปลี่ยนจากสมาร์ทโฟน/มือถือ มาเป็นเครื่องพีซี ซึ่งในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี และโทรคมนาคม มีผู้บริโภคเพียง 9% เท่านั้นที่เปลี่ยนอุปกรณ์การค้นหาจากมือถือมาเป็นเครื่องพีซี ทั้งนี้ ในธุรกิจร้านอาหาร มี 22% ที่เปลี่ยนจากมือถือมาเป็นเครื่องพีซี และ 19% เปลี่ยนจากเครื่องพีซีมาเป็นมือถือ
9. โฆษณาบนมือถือถ้าอยู่ในตำแหน่งที่ดี ก็จะมีอัตราการคลิกสูงถึง 97%
Bing เผยว่า ถ้าโฆษณาบนมือถืออยู่ในจุดที่สังเกตได้ อยู่ในตำแหน่งที่ดี ก็จะเพิ่มอัตราการคลิก (CTR) ได้มากถึง 97% แต่น่าเสียดายที่โฆษณาบน Bing ที่โดดเด่นมีเพียง 11% เท่านั้น
นอกจากนี้ ถ้าคุณอยากให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหา ก็ลองเริ่มต้นจากการปรับเว็บไซต์ให้รองรับกับการใช้งานบนสมาร์ทโฟน รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆ และพัฒนาคอนเทนต์ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ผู้ใช้งานเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้น