ปัจจุบันการทำตลาดผ่าน Social Media นั้นมีอยู่หลายรูปแบบ ส่วนใหญ่ที่เราเห็น ก็มาจะมาในรูปแบบของ Owned Media สื่อที่แบรนด์สร้างขึ้นเอง เช่น เว็บไซต์ บล็อก Social Network ของตัวเอง รวมถึงการลงโฆษณาในสื่อต่างๆ ก็เช่นกัน เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลักได้ดีขึ้น
ส่วนอีกรูปแบบคือ Earned Media หรือสื่อที่ลูกค้าภายนอกเป็นคนสร้างขึ้นมา เช่น การที่ผู้คนพูดถึงสินค้า และบริการของคุณ ไม่ว่าจะมาจากการไลค์ ทวิต แชร์ คอมเม้นต์ในเนื้อหา วีดีโอคลิป บทความ หรือในสื่ออื่นๆ ของคุณ ซึ่งเป็นข้อดีของการทำตลาด เพราะแบรนด์เองก็ไม่ต้องเสียเงินโปรโมทสินค้า แต่เกิดจากการบอกต่อแบบปากต่อปาก
ถ้าแบรนด์ไหนที่มี Earned Media เยอะ และต้องการนำมาต่อยอดทางธุรกิจ ก็สามารถทำได้เช่นกัน ด้วย 7 วิธีนี้
1. นำคำพูดเด็ดๆ จากบล็อกเกอร์ หรือลูกค้ามาโพสต์ใหม่ ทั้งในอีเมล และเว็บไซต์ โดยต้องเน้นคำพูดที่เกี่ยวกับแบรนด์ของคุณ อาทิ “เน็ตไอดอลคนดัง……ก็รู้สึกพอใจกับสินค้าของเรา” “บล็อกเกอร์คนนี้ใช้แล้วเห็นผลจริง” เป็นต้น
2. ติดตามทวิต หรือแฮชแท็กที่เกี่ยวกับแบรนด์ของคุณ แล้วนำคำชื่นชมเหล่านั้นมาแปะที่หน้าแรกของเว็บไซต์ โดยใช้วิธี Embed Post เพราะข้อความเหล่านี้เป็นเสียงมาจากผู้ใช้งานจริง ซึ่งจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือได้มาก
3. ถ้ามีลูกค้ากล่าวชื่นชมสินค้า หรือบริการในเว็บไซต์ของคุณ ก็ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่กล่าวขอบคุณไปด้วยความจริงใจ และปล่อยให้ Earned media ทำหน้าที่ของมันเอง เมื่อใดก็ตามที่มีคนเข้ามาในเว็บไซต์ พวกเขาก็จะเห็นคำชม ทั้งนี้ ถ้ามีคำตำหนิ ก็ต้องแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด (แต่ไม่ควรลบทิ้ง)
4. สร้างวิดีโอสำหรับเผยแพร่ในเว็บไซต์ “How to….” “การแก้ปัญหาเบื้องต้น” หรือจะนำวิดีโอที่มาจาก Influencer มาโพสลงในเว็บไซต์ โดยใช้ Embed Post ก็ได้
5. สร้างแกลลอรี่เพื่อเก็บภาพสินค้า และเลือกใช้ภาพที่ลูกค้าโพสต์บน Instagram แทนการใช้ภาพที่ถ่ายจากช่างภาพ หรือแบรนด์ ทั้งนี้ ก่อนนำมาใช้ ก็ต้องได้รับการยินยอมจากเจ้าของภาพเสียก่อน
6. ในส่วนของภาพบุคคล ควรเลิกใช้ภาพจาก Stock Photo ได้แล้ว และหันมาใช้ภาพที่มาจากผู้ใช้งานจริงจะดีกว่า แล้วอย่าลืมขออนุญาตเจ้าของภาพก่อนนำมาใช้
7. สำหรับอีเมลที่ต้องส่งหาลูกค้าเป็นประจำ ให้ใส่คำพูดที่มาจากลูกค้า หรือ Influencer ไปด้วย และพยายามให้คำพูดเหล่านั้นขายสินค้าแทนแบรนด์ให้ได้
ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์เสื้อผ้าวินเทจ ModCloth ที่ใช้ Social Media ทำตลาดเช่นกัน แทนที่จะใช้ภาพนางแบบ หรือภาพเสื้อผ้ากับไม้แขวน พวกเขาเลือกที่ใช้ภาพที่ส่งมาจากลูกค้า และโพสต์ลงในเว็บไซต์ ซึ่งทำให้ลูกค้ารายอื่นๆ เห็นภาพที่ใกล้เคียงกับชีวิตประจำวันมากขึ้น
สำหรับเว็บไซต์ Cuisinart แทนที่จะโพสต์แต่เรื่องเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับห้องครัว พวกเขาก็ยังโพสต์สูตรอาหารที่มาจากบล็อกเกอร์ และแฟนๆ ที่ชื่นชอบแบรนด์ เป็นการแชร์ข้อมูลต่างๆ ร่วมกัน และยังเป็นแหล่งรวมพลคนที่มีความชอบเหมือนๆ กันด้วย