เชื่อว่าใครๆ ก็ทราบกันดีว่าการใช้ Social Media นั้นมีความสำคัญมากเพียงใด ถ้าใช้ถูกต้องก็จะส่งผลดี แต่ถ้าใช้ผิดก็จะส่งผลกระทบด้านลบต่อธุรกิจของคุณเช่นกัน ซึ่งข้อผิดพลาดเล็กๆ ของคุณ อาจเป็นที่จดจำของผู้บริโภคอย่างยาวนาน ทั้งนี้ หากจะบอกว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ผิดพลาดเลย ก็คงทำได้ยาก แต่ถ้าบอกว่าจะหลีกเลี่ยงอย่างไร คงทำได้ง่ายกว่า
ลองมาดู 7 วิธี ที่จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดของ Social Media
1.สร้างกลยุทธ์ เน้นความผูกพันธ์กับผู้บริโภค
ในแต่ละวันมีการสนทนาผ่าน Social Media เป็นพันล้านข้อความต่อวัน ซึ่งเป็นเรื่องยากหากคุณต้องการจัดระเบียบ หรือถ่ายทอดข้อความสำคัญไปยังกลุ่มคนเหล่านี้ อันดับแรก คุณต้องแน่ใจก่อนว่า แบรนด์ของคุณต้องมีเป้าหมายและนโยบายที่ชัดเจน มีทีมงานที่พร้อมจะเกาะติดผู้บริโภคทุกสถานการณ์ในโลกออนไลน์ จับทุกกระแส และสร้างการมีส่วนร่วมผ่านกิจกรรมต่างๆ ตามที่ได้วางกลยุทธ์ไว้ ซึ่งจะช่วยให้คุณเป็นส่วนหนึ่งของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
2.สร้างบุคลิกที่เป็นมิตรในโลกออนไลน์
เพื่อให้แบรนด์ของคุณถ่ายทอดข้อความไปสู่ผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งที่ควรระมัดระวังคือ เสียง (ในที่นี้อาจหมายถึงน้ำหนักของการถ่ายทอดข้อมูล) คุณต้องสร้างความสมดุลในการให้บริการ ไม่ใช่ทำงานเหมือนหุ่นยนต์ ที่ตอบคำถามแบบเดิมซ้ำๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องบอกทุกอย่าง ทุกเรื่อง ถ้าเปรียบเป็นคนแล้ว อาจเป็นคนที่พูดมากเกินไป โดยรวมแล้วต้องเน้นความเป็นกันเอง แสดงบุคลิกของแบรนด์ให้เด่นชัด เรื่องที่ต้องใส่ใจอีกเรื่องคือ การแสดงความคิดเห็นในประเด็นที่มีความละเอียดอ่อน ก่อนจะโพสอะไรต้องไตร่ตรองให้ดี เพื่อรักษาบรรยากาศการสนทนาที่ดีไว้
ทั้งนี้ ถ้าเป็นในส่วนงานบริการที่ต้องตอบคำถามลูกค้า หรือสื่อสารกับลูกค้าตลอดเวลา คุณสามารถสร้าง Q&A เพื่อรวบรวมคำถามที่โดนถามบ่อยๆ ได้ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้คุณตอบสนองลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
3.อย่าใช้ Social Media มากเกินไป
คุณเคยนับหรือไม่ว่า ขณะนี้แบรนด์ของคุณใช้สื่อออนไลน์กี่ช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น Facebook Twitter Google+ และ Instagram และถ้าคุณเลือกใช้ทุกอย่าง คุณวางแผนจะควบคุมอย่างไร ช่องทางไหนมีความสำคัญมากที่สุด ในการแจ้งข้อมูลข่าวสารแต่ละครั้ง คุณต้องแน่ใจว่าข้อมูลนั้นๆ ถูกส่งไปครบทุกช่องทางหรือไม่ และผู้บริโภคของคุณรับรู้มากแค่ไหน
4.แสดงความขอบคุณต่อลูกค้าบ้าง
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดของการทำตลาดคือ การเมินเฉยต่อความคิดเห็นของลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณอยู่ในกลุ่มธุรกิจออนไลน์ หรือ E-Commerce ที่ใช้ Social Media อย่างเดียวในการสื่อสารกับลูกค้า การให้ความเป็นกันเองหรือการตอบสนองลูกค้าจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ในการสร้างความไว้วางใจ และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า คุณต้องทำให้ลูกค้ารับรู้ว่าเสียงของเขาจะถูกคุณรับฟังเสมอ ยกตัวอย่างเช่น ใน Facebook เมื่อลูกค้าแสดงความคิดเห็นในเพจของคุณ คุณสามารถแสดงความขอบคุณพวกเขาด้วยการ ‘@’ เมนชั่นถึงคนๆ นั้น เพราะเมื่อลูกค้ารู้สึกดีต่อแบรนด์ของคุณแล้ว ก็จะนำไปสู่การบอกต่อยังเพื่อนๆ ก็ได้
5.ห้ามวางลิ้งค์อื่นเป็นอันขาด
เมื่อลูกค้าเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณ นั่นหมายความว่าพวกเขาสนใจและต้องการข้อมูลสินค้าจากคุณ การแสดงข้อมูลต่างๆ ในเว็บไซต์จึงมีส่วนสำคัญอย่างมาก เพราะเพียงคลิกเดียวก็อาจทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ แต่ทั้งนี้ การอ้างอิงข้อมูลต่างๆ ในเว็บ หรือการใส่ลิ้งค์อื่นไว้ที่หน้าแรกนั้น อาจทำให้ลูกค้าคลิกออกจากเว็บคุณได้ และเมื่อพวกเขาออกไปแล้ว โอกาสที่จะกลับมาซื้อสินค้าของคุณก็จะหายไปทันที
แต่ถ้าเป็นการแนะนำสินค้าในเครือเดียวกัน มีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน ก็สามารถใส่ลิ้งค์เข้าไปได้ เพราะถือเป็นการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า
6.ใช้เครื่องมือในการบริหาร Social Media
บางคนอาจคิดว่าการบริหารจัดการ Social Media นั้นต้องใช้เวลานาน ยุ่งยาก และน่าเบื่อ แต่ด้วยความช่วยเหลือของเครื่องมือบริหารจัดการ Social Media ในปัจจุบัน จะช่วยให้คุณทำงานได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ การเก็บข้อมูลของผู้ใช้งาน ซึ่งการใช้เครื่องมือเหล่านี้จะมีประโยชน์อย่างมากต่อการทำตลาดในอนาคต โดยแบ่งได้หลายประเภท อาทิ Social Listening , Social Conversation , Social Marketing , Social Analytic และ Social Influecer ซึ่งเมื่อได้ใช้เครื่องมือเหล่านี้แล้ว ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ Social Media และลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี
ภาพจาก http://socialmediastrategiessummit.com/
7.อย่าลืมว่าสื่อแต่ละประเภทมีวัตถุประสงค์การใช้งานที่ต่างกัน
ไม่มีใครไม่รู้ว่า Twitter ให้โพสข้อความได้เพียง 140 ตัวอักษรเท่านั้น แต่เคยหรือไม่ที่คุณพยายามใส่ข้อความจนเต็มลิมิต หรือต้องมีต่ออีกหลายทวิต ลองคิดดูว่าจะมีผู้บริโภคสักกี่คนที่ตามอ่านจนครบ หรือถ้าคุณต้องการโพสข้อความยาวๆ ลองเปลี่ยนมาโพสใน Facebook หรือเว็บไซต์องค์กรอาจจะเหมาะสมกว่า
สื่อแต่ละประเภทมีวัตถุประสงค์ วิธีการใช้งานแตกต่างกัน คุณจึงต้องปรับเปลี่ยนข้อความเพื่อให้เหมาะสมกับสื่อนั้นๆ เพื่อเลี่ยงการเกิดปัญหาความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของผู้บริโภค มิเช่นนั้นคุณอาจต้องคอยรับโทรศัพท์ เพื่อตอบข้อสงสัยทั้งหมดจากลูกค้าก็ได้
จากที่กล่าวไปทั้ง 7 วิธีนี้ เป็นเพียงคำแนะนำง่ายๆ ที่ต้องการให้คุณนำไปปรับปรุงหรือพัฒนาการทำตลาดออนไลน์ ซึ่งการใส่ใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ จะช่วยลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้