รับมือการตลาด 2017 ด้วย 6 วิธีดังนี้

การตลาดในทุกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก และในปีนี้ก็ต้องเป็นปีที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดแน่นอน และใครที่ยังไม่มาลงสนามหรือทุ่มเต็มตัวในสนามดิจิทัลนั้นก็อาจจะอยู่ไม่รอดอย่างแน่นอนในปีนี้ ทุกอย่างต้องมาทำที่ดิจิทัล และไม่ใช่แค่ทำหรือเอาเงินมาลง แต่ต้องเป็นการเข้าใจเรื่องดิจิทัลกับผู้บริโภคดิจิทัลอีกด้วยเพื่อให้การตลาดนั้นได้ผลเต็มที่

จากการที่ปีที่แล้วเราได้เห็นสื่อหนังสือ นิตยสาร วิทยุ รวมทั้งช่องทีวีนั้นหายไป และเม็ดเงินโฆษณาที่ถดถอยจากสื่อดั้งเดิมอย่างมาก ซึ่งในปีนี้ไม่ว่า Kantar หรือ WPP เองก็ตามก็ได้ทำนายว่าสื่อดิจิทัลนั้นจะแซงหน้าสื่อทีวีแล้ว และสื่อทีวีมีแต่จะถดถอยลงจนไม่นิยมหรือกลายเป็นสื่อ Niche แล้วสื่อดิจิทัลจะกลายเป็นสื่อ Mass Media ที่เจาะแบบรายบุคคลได้แทน การทำสื่อดิจิทัลในยุคนี้ไม่ใช่แค่การเอาเงินมาลง หรือทำ content หรือทำวิดีโอก็พอ แต่ต้องมีความเข้าใจในหลาย ๆ เรื่องเพื่อที่จะทำให้การตลาดผ่านดิจิทัลนั้นดีมากขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อที่จะสามารถทำการตลาดโดยเฉพาะผ่านช่องทางดิจิทัลในยุคนี้ให้ได้ดี วันนี้ผมจึงนำเอาวิธีการรับมือ 6 แบบที่จะสามารถมาใช้ได้ในปี 2017 นี้มาแนะนำ

ทดลองตลอดเวลา : โลกดิจิทัลและพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคนี้เปลี่ยนแปลงเร็วมาก อะไรที่เคยทำแล้วได้ผลในอดีตอาจจะใช้ไม่ได้ผลเลยในยุคนี้ นอกจากนี้การลงเงินแล้วเก็บผลเหมือน Traditional Media นั้นไม่เพียงพอในยุคนี้ เพราะงบประมาณที่ลงไปต้องได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าที่สุด เพราะฉะนั้นการทำดิจิทัลในยุคนี้หรือการทำการตลาดในยุคนี้จึงต้องทดลองว่าอะไรนั้นเวิร์คที่สุด เพื่อที่ทำให้เกิดผลลัพท์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดกลับมา ซึ่งวิธีการทดลองที่นิยมกันมีตั้งแต่ Test แบบ Focus Group หรือ Survey และแบบที่ใช้กระบวนการทาง A/B Testing เพื่อสร้างการเรียนรู้ผู้บริโภคเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด
ใช้เทคโนโลยีด้วยความระมัดระวัง : ด้วยเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงหลาย ๆ ตัว และนักการตลาดหลายคนประมาทในอดีตที่ผ่านมาแล้วตกขบวนรถไฟเทคโนโลยีต่าง ๆ อย่างมากมายไม่ว่าจะเป็น Web 2.0, Social Media และ Mobile ในปัจจุบัน ทำให้หลาย ๆ คนเจอเทรนด์อะไรใหม่ ๆ ก็อยากจะกระโจนลงไปเพื่อใช้ทันที ทั้งนี้นักการตลาดควรเข้าใจเรื่อง Cycle ของเทคโนโลยีว่าอะไรจะมาอะไรจะไปหรืออะไรจะอยู่ชั่วคราว เพื่อระมัดระวังในการเลือกเทคโนโลยีที่จะใช้ว่าจะไม่ได้ใช้แล้วเสียเงินไปกับเทคโนโลยีที่อยู่แค่ชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งทำให้เสียเงินโดยเปล่าประโยชน์และไม่ได้ใช้เทคโนโลยีนั้นได้คุ้มค่ากับการลงทุน
ลงทุนใน Technology ข้อมูล : ข้อมูลจะกลายเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญอย่างมาก และกลายเป็นทรัพยากรสำคัญในการทำการตลาดในปี 2017 นี้ ทั้งนี้ในปัจจุบันนั้นมีข้อมูลมากมายที่นักการตลาดนั้นจำเป็นต้องรู้และเข้าใจ การอ่านค่าข้อมูลต่าง ๆ นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมานั่งทำการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ การลงทุนในเทคโนโลยีของข้อมูลจะช่วยทุ่นแรงของนักการตลาดลงไป การมองเห็น Dashboard แสดงผลข้อมูลต่างจะช่วยให้งานของนักการตลาดนั้นง่ายลง แถมทำงานและลงมือได้ไวขึ้นมาอีกต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ อีกด้วย
สร้างสินทรัพย์ทางดิจิทัลไว้ : การมีข้อมูลนั้นคือสุดยอดสินทรัพย์ในยุคนี้อย่างมาก นักการตลาดต้องเริ่มเตรียมการสร้างสินทรัพย์และทำการตรวจสอบสินทรัพย์ทางดิจิทัลตัวเองว่าถูกต้องหรือไม่ และทำการเข้าใจใน customer profile ในดิจิทัลให้ดีว่าแต่ละคนชอบแบบไหนหรือไม่ชอบแบบไหน ทำอย่างไรจะได้ทำการตลาดและสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายได้ถูกต้อง ซึ่งการมีข้อมูลลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายทางดิจิทัลอย่างถูกต้องนี้จะช่วยผ่อนแรงและทำให้การตลาดผ่านดิจิทัลในปีนี้ได้ผลมากยิ่งขึ้น
เข้าใจการทำดิจิทัลเพื่อออฟไลน์ : ยุคนี้ไม่ใช่ออฟไลน์ที่มีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง เพราะชีวิตผู้บริโภคส่วนใหญ่ในตอนนี้นั้นผูกติดกับโลกออนไลน์อย่างมาก แต่ความสำคัญอยู่ที่วิธีการที่จะดึงผู้บริโภคจากออนไลน์นั้นไปสู่โลกออฟไลน์หรือหน้าร้านนั้นเอง วิธีการหนึ่งที่ใช้คือการสร้างประสบการณ์ของ ROPO หรือ research online, purchase offline เพื่อให้เกิดการอยากได้ในออนไลน์แล้วไปร้านเพื่อลองแล้วซื้อสินค้ามา ทั้งนี้ต้องเลิกคิดเรื่องการทำการตลาดออฟไลน์นำหรือคิดเพื่อแค่ให้เกิด Awareness แล้ว
โฟกัสในคุณภาพ : อย่างที่ได้กล่าวไว้ตอนต้นว่าปี 2017 นี้นักการตลาดต้องหยุดหว่านหรือโยนเงินแล้วหวังว่าจะได้ Awareness กลับมาหรือใช้เงินโดยไม่ได้ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค ยุคนี้นักการตลาดต้องใช้เงินได้อย่างฉลาดและใช้เงินได้อย่างถูกที่ ซึ่งต้องลงเงินกับการสร้างคุณภาพตั้งแต่เลือกคนที่จะมาทำงานด้วย การวิจัยการตลาดที่มีคุณภาพ จนถึงการสร้างงานการสื่อสารทางการตลาดที่มีคุณภาพขึ้นมาอีกด้วย

ทั้ง 6 วิธีนี้เป็นวิธีขั้นต้นในการรับมือการตลาดในปี 2017 นี้ซึ่งตอนนี้ ผมแนะนำได้เลยว่าทุกคนนั้นต้องเริ่มคิดแบบ All Thing Digital เพราะไม่งั้นคุณอาจจะอยู่ได้ยากในยุคที่ผู้บริโภคผูกชีวิตกับดิจิทัลทุกอย่างเช่นนี้