ในตอนนี้ Instagram นั้นกลายเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่สำคัญอีกเครื่องมือหนึ่ง และนักการตลาดหลาย ๆ คนก็ใช้เป็นเครื่องมือเพื่อสื่อสารผ่านภาพและวิดีโอกับกลุ่มที่ที่ชอบถ่ายภาพหรือถ่ายทอดเรื่องราวตัวเองตรงนี้ และ Instagram นั้นก็รู้ว่าตัวเองสามารถทำเงินจากนักการตลาดได้โดยสร้างให้ User นั้นติดมากขึ้นไปจึงพยายามออกฟีเจอร์ใหม่ออกมามากมาย แต่ในตลาดที่สหรัฐอเมริกาเองนั้น Instagram กับ Facebook นั้นกลับพ่ายแพ้ให้ Snapchat และต้องหาทางที่จะชนะ Snapchat กลับมาให้ได้
httpv://www.youtube.com/watch?v=r4237MZIb8g
Snapchat กลายเป็นคู่แข่งสำคัญของ Instagram กับ Facebook ที่ครองโลกในด้าน Social Network อยู่ตอนนี้ ซึ่ง Snapchat เป็น Social Network ที่เป็นระบบ Video Streaming Platform หรือถ่ายภาพและข้อความ โดยข้อความนั้นจะหายไปภายใน 24 ชั่วโมงโดยไม่มีการบันทึกไว้ ซึ่งเป็นที่นิยมมากในหมู่วัยรุ่นของอเมริกา ด้วยความนิยมนี้ทำให้ Instagram กับ Facebook เห็นว่าควรทำอะไรบางอย่างเพื่อดึงดูดผู้ใช้เอาไว้กับตัวเองต่อไป จึงได้ออก Features ที่เรียกว่า Instagram Stories ออกมา ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้นั้นสามารถถ่ายทอดเนื้อหาที่ตัวเองต้องการและเนื้อหานั้นจะหายไปโดยไม่บันทึกใน Newsfeed ใน 24 ชั่วโมงเช่นกันแบบเดียวกับ Snapchat
httpv://www.youtube.com/watch?v=GFIDbH9MivM
ทั้งนี้เนื่องจากเป็น Features สุดใหม่ใน Instagram และหลาย ๆ คนนั้นไม่คุ้นเคยกับ Snapchat มาอีกด้วย วันนี้เราจะมาลองดูว่าแบรนด์หรือนักการตลาดนั้นจะสามารถใช้ Instagram Stories ให้กลายเป็นเครื่องมือทางการตลาดได้ด้วยการรู้ insight 5 เรื่องนี้ของ Instagram Stories
- คนนั้นอย่าแชร์ช่วงเวลานั้น ไม่ใช่การสร้างและแชร์ช่วงเวลาที่ perfect : การที่ Snapchat นิยมที่ต่างประเทศมาได้นั้น เป็นเพราะการที่ผู้บริโภคนั้นไม่ชื่อชอบความคิดที่ Kodak เคยนำเสนอแนวคิดเรื่อง Kodak Moment มาในอดีต ซึ่งทำให้ผู้คนนั้นอย่างแชร์ทุกช่วงเวลาที่ตัวเองเจอและมีความสุขออกไปอย่าง Real Time ซึ่งทาง Instagram Stories ก็ตามกระแสผู้บริโภคแบบนี้เช่นกันที่ผู้คนนั้นจะแชร์เรื่องราวของตัวเองไปทันทีที่เจอ ทำให้แบรนด์นั้นต้องเข้าใจการวิวัฒนาการของความคาดหวังใน Social Media ที่ผู้คนนั้นอยากจะปฏิสัมพันธ์หรือแชร์ในสิ่งที่เจออย่างทันที
- แบรนด์ต้องเข้าใจในเรื่องความดิบ และความสดของเนื้อหานั้น : สิ่งที่ Snapchat สร้างขึ้นมานั้นคือการทำให้ตัวเองกลายเป็นเครื่องมือของการส่งเนื้อหาที่ดิบมาก ๆ ไม่สามารถปรับแต่งได้ หลาย ๆ แบรนด์ไม่มอง Snapchat ในตอนนั้นเพราะมองว่ามันคือ Social Network สำหรับวัยรุ่น และตัวเองยังสามารถกระจายเนื้อหาที่สมบูรณ์หรือที่ดีผ่านเครื่องมือ Social Network อื่น ๆ ได้ แต่ตอนนี้แบรนด์ไม่สามารถเพิกเฉยต่อกระแสนี้ได้แล้ว เพราะใน Social Network ไม่ใช่เนื้อหาที่สมบูรณ์ที่คนสนใจ แต่ดังที่กล่าวไปในข้อ 1 ว่าผู้บริโภคสนใจในความสดของเนื้อหานั้น ดังนั้นการทำเนื้อหาที่สดใหม่ที่เข้าถึงได้ทันทีก็กลายเป็นวิธีหนึ่ง และวิธีการที่ง่ายที่จะสร้างเนื้อหาแบบนี้คือการทำงานร่วมกับ Influencer ต่าง ๆ ขึ้นมา
- โอกาสในการสร้างโฆษณาแบบใหม่ : การสร้างคุณสมบัติใหม่ของ Instagram นี้ขึ้นมา เป็นไปได้ว่าอนาคตนั้นจะมีรูปแบบโฆษณาที่เข้ามาในนี้แน่นอน ซึ่งรูปแบบที่เป็นไปได้คือการที่โฆษณานั้นจะมาในรูปแบบที่เป็น Vertical Video ที่แทรกอยู่ใน Instagram Stories ของผู้ใช้นั้น ๆ ถ้าคุณเป็นแบรนด์ที่งบประมาณมากแล้วละก็ การสร้างเนื้อหาด้วยรูปแบบโฆษณาใหม่ ๆ นี้ก็เป็นทางเลือกแบบหนึ่งในการสร้างกระแสขึ้นมา
- Social Media จะเริ่มที่ไม่มีความแตกต่างกันหรือแตกต่างกันน้อยลง : เมื่อไม่นานมานี้นั้นทาง Snapchat กลับออกคุรสมบัติของบริการตัวเองออกมาที่คล้าย Instagram นั้นคือให้ผู้ใช้บริการของตัวเองนั้นสามารถเข้าไปอัพโหลดเนื้อหาเก่า ๆ หรือแก้ไขดัดแปลงเนื้อหานั้นได้ด้วย มาตอนนี้ทาง Instagram นั้นก็สร้างคุณสมบัติที่เหมือน Snapchat ออกมา หรือการที่ Twitter นั้นกำลังทำในสิ่งที่คล้ายกับ Facebook และ Facebook ไปทำอะไรที่คล้าย Wechat ซึ่งในอนาคตคนทำโฆษณาให้แบรนด์จะมีทางเลือกในการสร้างเนื้อหาที่สามารถเอาไปใช้ในหลาย ๆ ที่ได้ด้วยการที่ Platform นั้นจะคล้ายกันเรื่อง ๆ แต่เพียงจะสื่อสารอย่างไรให้เหมาะกับที่นั้น ๆ
- สร้างเนื้อหาพิเศษที่เหมาะกับ Instagram stories ออกมา : ทั้งนี้เนื่องจากจะเป็นเนื้อหาที่หายไป แบรนด์สามารถสร้างการติดตามให้คนสนใจได้ด้วยกสร้างเนื้อหาพิเศษ ที่ให้คนเตรียมพร้อมที่จะติดตาม ได้เห็นความสดใหม่และสามารถใช้เนื้อหาพิเศษนั้นที่จะได้ประโยชน์อะไรกับแบรนด์สักอย่างได้เลย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการสร้างเนื้อหาโปรโมชั่นหรือเนื้อหาสรุปที่ให้คนได้ติดตามได้
ทั้งนี้ Instagram stories นั้นออกมาแล้ว และเราได้เห็นดาราหลาย ๆ คนนั้นเริ่มใช้ถ่ายทอดชีวิตตัวเอง หรือหลาย ๆ คนใช้ถ่ายทอดชีวิตตัวเองแบบสดแล้ว แต่ยังไม่มีแบรนด์ไหนเริ่มในการใช้งานในประเทศไทย หากใครยังนึกไม่ออก ลองดูใน 5 ข้อนี้ก่อนเผื่อจะมีไอเดียดี ๆ ในการสร้างเนื้อหาที่สดขึ้นมา