ใกล้จะเข้าสู่ช่วงเทศกาลหยุดยาวที่หลายคนรอคอย เหล่าบรรดาร้านค้าต่างๆ ก็เตรียมจัดโปรโมชั่นเอาใจลูกค้าเป็นการใหญ่ โดยเฉพาะร้านค้าปลีก จะทำอย่างไรเพื่อเป็นตัวเลือกอันดับแรกๆ ในใจลูกค้า MediaMath จึงได้นำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ แนวโน้มการทำตลาดของร้านค้าปลีกในเวลานี้ โดยแบ่งออกเป็น 5 ข้อ ดังนี้
1. ข้อมูลบนโลกออนไลน์มีผลต่อยอดขาย
64% ของยอดขายส่วนใหญ่มาจากอินเตอร์เน็ต อาทิ เจอข้อมูลร้านจากอินเตอร์เน็ต อ่านรีวิวแล้วซื้อตาม เป็นต้น และ 78% ของนักช้อปจะหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตก่อนตัดสินใจซื้อ โดยจะดูทั้งแคมเปญออนไลน์ และออฟไลน์ เพราะฉะนั้น คุณต้องทำยังไงก็ได้ให้ร้านของคุณปรากฏอยู่ในผลการค้นหา
2. สมาร์ทโฟนจะกลายเป็นส่วนสำคัญของงบโฆษณาดิจิทัล
มีการคาดการณ์ว่าในกลุ่มธุรกิจค้าปลีก 51.1% ของเม็ดเงินโฆษณาสื่อดิจิทัล จะถูกเทไปที่สมาร์ทโฟน และเมื่อสิ้นสุดปี 2015 eMarketer ได้ประเมินมูลค่าไว้ที่ 6,650 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ 67% ของนักช้อป ไม่ได้ใช้แค่อุปกรณ์เดียว แต่ยังมีการใช้งานข้ามแพลตฟอร์มอีกด้วย หน้าที่ของแบรนด์จึงต้องเน้นการสร้างประสบการณ์ เพื่อให้ผู้บริโภคใช้งานได้สะดวกขึ้น โดยเฉพาะการเข้าเว็บด้วยอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน เพราะ 24% ของยอดขายออนไลน์มาจากการใช้งานผ่านสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต
3. การซื้อโฆษณาจะมาในรูปแบบ Programmatic มากขึ้น
ล่าสุด eMarketer เผยว่า ในปี 2015 โซลูชั่นการซื้อโฆษณาแบบ Private marketplace (PMP) เติบโตขึ้นกว่า 381% แต่ทว่า มีเพียง 14% จากทั้งหมด ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจค้าปลีก และ Digital Display
ทั้งนี้ ในปี 2016 ที่กำลังจะมาถึง หลายๆ แบรนด์คงเริ่มเตรียมตัวหาช่องทางการทำตลาดไปบ้างแล้ว จากเดิมที่ต้องติดต่อกับเจ้าของเว็บ และเลือกตำแหน่งของสื่อโฆษณา ซึ่งต้องผ่านหลายขั้นตอน Programmatic จะเป็นส่วนที่มาช่วยให้ทั้งผู้ซื้อโฆษณา และผู้ชาย ได้ราคาที่เหมาะสม และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ ผ่านการซื้อขายแบบอัตโนมัติ ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าการใช้คนดูแล
4. แบรนด์ต้องลงทุนกับการผลิตวิดีโอมากขึ้น
อย่างที่เราทราบกันว่า วิดีโอ เป็นคอนเทนต์ และเครื่องมือทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพสูง โดย 29% ของโฆษณา Display Ads จะเป็นวิดีโอ จึงเป็นที่คาดการณ์ได้ว่า ในปี 2016 หลายๆ แบรนด์จะให้ความสำคัญกับการผลิตคอนเทนต์วิดีโอมากขึ้น และมีความเป็นไปได้ว่างบการผลิตวิดีโอในสื่อออนไลน์ อาจใช้งบลงทุนมากกว่าการผลิตในสื่อโทรทัศน์
5. Multi-touch เริ่มมีให้เห็นมากขึ้น
15-20% ของร้านค้าปลีก เริ่มใช้ระบบ Multi-touch มากขึ้น อาทิ ร้านอาหาร ร้านเสื่อผ้า ส่วนร้านค้าอีก 20-25% กำลังอยู่ในช่วงพิจารณา สำหรับในประเทศไทย ก็เริ่มมีการใช้บ้างแล้ว เพื่อเพิ่มช่องทางการสื่อสารกับลูกค้าในยุคดิจิทัล ผ่านสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต
Source : Adweek