การทำการตลาดในยุคนี้นั้นใช้การทำการตลาดผ่าน Digital Marketing เป็นส่วนใหญ่อย่างมาก โดยเฉพาะ Social Media ที่เป็นเครื่องมือหลัก ๆ นั้นเป็นเพราะผู้บริโภคต่างใช้เวลาและส่วนใหญ่อยู่ใน Social Media ต่าง ๆ เพื่อการติดตามข่าวสาร ปฏิสัมพันธ์ และแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเพื่อน หรือในปัจจุบันนี้ถึงขั้นทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้ขึ้นมา
การทำ Social Media ในปัจจุบันนี้มีการแข่งขันสูงอย่างมาก และผู้บริโภคมีพลังในการที่จะเลือกว่าจะสนใจสิ่งใด ไม่สนใจสิ่งใดขึ้นมา การเข้าใจกลุ่มเป้าหมายใน Social Media นี้จึงมีความสำคัญอย่างมากที่จะทำให้เข้าถึงได้ ด้วยเหตุนี้ยุค Digital นี้จึงมีเครื่องมือมากมายที่จะมาช่วยให้นักการตลาดนั้นเข้าใจกลุ่มเป้าหมายได้ ซึ่ง Social Media Monitoring นั้นเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่จะทำให้คุณติดตาม Social Media ของตัวเองและคู่แข่งได้ว่า ทำอะไรอยู่และมีอะไรที่ควรทำ ไม่ควรทำต่อไป ซึ่งการใช้เครื่องมือนี้ดี ๆ จะทำให้ได้ insight ขั้นต้นง่าย ๆ ว่าผู้บริโภคมีกิจกรรมอะไร มีความชอบหรือความต้องการแบบไหน คู่แข่งทำอะไร และใครเป็นคนที่มีอิทธิพลในการชักชวนของคนกลุ่มนี้หรือสร้างปฏิสัมพันธ์ขึ้นมา
แต่หลาย ๆ ครั้งนักการตลาดใช้เครื่องมือ Social Media Monitoring นี้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้ได้แค่ Report กลับไป หรือได้เป็นแค่เครื่องมือที่ทำให้เห็นว่าอดีตนั้นเกิดอะไรขึ้นและไม่สามารถเอามาใช้อะไรได้เลยในอนาคต ดังนั้นเพื่อที่จะสามารถใช้ Social Media Monitoring ได้มีประสิทธิภาพ หรือได้ผลจริง ๆ การเข้าใจว่าเครื่องมือต้องใช้ยังไง หรือมีเคล็ดลับในการใช้งานจึงสำคัญ และนี้คือเคล็ดลับ 5 ข้อที่จะทำให้คุณใช้. Social Media Monitoring ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
1. ตั้งวัตถุประสงค์ให้ชัด : สิ่งแรกที่ควรทำในการที่จะเริ่มต้นใช้ Social Media Monitoring คือการตั้งวัตถุประสงค์ในการใช้ Social Media Monitoring ให้แน่ชัดเสียก่อน โดยทำความเข้าใจว่า Social Media Monitoring คืออะไร ทำงานอย่างไร และผลที่จะได้จากการเก็บข้อมูลผ่าน Social Media Monitoring นี้คืออะไร ข้อมูลที่อยากได้มีอะไร บ้าง สิ่งไหนที่คุณจะได้ไปใช้ต่อ จำเป็นต้องซื้อเครื่องมือไหม หรือทำการเก็บเองได้รึเปล่า สิ่งเหล่านี้จะทำให่กาสรทำงานในการใช้งาน Social Media Monitoring นั้นชัดขึ้นมา และสามารถจัดสรรทรัพยากรในการใช้งานได้อย่างถูกต้องไปด้วย
2. จะติดตามอะไรและอยากเห็นอะไร : เมื่อได้ทีมงานที่จะทำการดูแล Social Media Monitoring แล้วสิ่งสำคัญต่อมาคือการมาวางว่า เราจะใช้ Social Media Monitoring ในการติดตามใคร และอยากเห็นข้อมูลอะไรออกมาบ้าง โดยเอาจะทำเป็นลิสต์ออกมาว่า คนที่ติดตามคือคนที่มีอิทธิพลต่อแบรนด์เรา ของแบรนด์คุ่แข่ง ติดตามแบรนด์คู่แข่งออกมา เสร็จแล้วมาวางว่าข้อมูลที่อยากจะได้มีอะไรบ้าง ตั้งแต่ Vanity Metric จนถึง
Engagement Metric ต่าง ๆ และค่าที่ลึก ๆ ขึ้นไป เช่นการพูดถึง หรือ sentiment ต่าง ๆ กระแสที่กำลังจะเกิดขึ้นมีอะไรบ้าง
3. เลือกว่าจะติดตาม Social Media อะไร : เพื่อที่จะทำให้การใช้งาน Social Media Monitoring มีประสิทธิภาพสูงสุด การรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายตัวเองอยู่ที่ไหนนั้นสำคัญ การเลือกว่าจะเข้าไปจับตา Platform อะไรจะทำให้การทุ่มทรัพยากรไปมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่ง Platform ในประเทศไทยที่นิยม ๆ ก็มีอย่าง Facebook, Instagram, Twitter และ Youtube หรือจะรวมพวกเว็บบอร์ดต่าง ๆ ก็ได้ ทำให้การติดตามเหล่านี้มีความสำคัญอย่างมากที่จะเลือกว่าอะไรควรตามและไม่ควรตาม เพราะการไปตามทั้งหมดอาจจะไร้ประโยชน์หรือไม่ได้ก่อให้เกิดผลตอบแทนมาเลยก็ได้
4. ทำการวัดเทียบ : เมื่อเลือกได้แล้วว่าจะใช้ Social Media Monitoring ในการติดตาม Platform ไหน สิ่งสำคัญต่อมาคือการที่จะต้องมาทำการวัดค่าเปรียบเทียบกัน ระหว่างก่อนทำ ระหว่างทำ และหลังการใช้งาน Social Media Monitoring เพื่อดูว่าการทำงานของทีมงานนั้นได้ประสิทธิภาพตามที่ตั้งใจไว้หรือไม่ และทีมงานใช้ประโยชน์จากเครื่องมือได้เต็มประสิทธิภาพหรือเปล่า ซึ่งหากมีการเปรียบแปลงอะไรที่น่าสนใจหรือรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงจากข้อมูลที่ได้ออกมา ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์คุณเอง หรือคู่แข่ง สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณมีข้อมูลที่จะมาวิเคราะห์ต่อได้ว่าอะไรเกิดขึ้นและจะทำอะไรต่อไป
5. เลือกเครืองมือที่อยากจะใช้งาน : เมื่อจะเริ่มต้นทำ Social Media Monitoring สุดท้ายแล้วก็คือการเลือกเครืองมือที่เหมาะกับตัวเองขึ้นมา ในยุคนี้มีเครื่องมือหลากหลายตัวมากที่ให้คุณสามารถเลือกใช้งานได้ หลาย ๆ เครื่องมือก็ให้ฟรี แต่ข้อมูลอาจจะไม่ถูก หรือต้องลงพลังคนไปทำงานต่อเยอะมาก และหลาย ๆ เครืองมือที่แพง แต่อาจจะใช้ไม่ได้เลยตามบริบทที่เกิดขึ้นมาของคุณ ดังนั้นการได้ลองใช้หลาย ๆ เครื่องมือก่อนที่จะเริ่มทำการใช้ Social Media Monitoring จึงมีความสำคัญอย่างมากต่อไป