นอกจากการพูดแล้ว ศิลปะของการสื่อสารอีกอย่างหนึ่งคือ “การเขียน” เขียนอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ และมีคุณค่า ซึ่งปัจจุบันนี้การสื่อสารทุกอย่างล้วนผ่านเว็บไซต์เกือบทั้งสิ้น ทำให้การเขียนสามารถทำได้ง่ายและรวดเร็ว ดังนั้น ถ้าคุณอยากค้นหาทักษะการเขียนที่เหมาะกับตัวเอง แต่ก็ยังไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เรามี 5 ขั้นตอนเพื่อเป็นตัวช่วยพัฒนาการเขียนของคุณให้ดีขึ้นได้ เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้เลยดีกว่า
1. จดทุกอย่าง
อย่าเพิ่งบอกว่า “ฉันไม่ใช่คนที่ชอบเขียนอะไรแบบนั้น” ให้เปลี่ยนความคิดใหม่เสียใหม่ แค่คุณหยิบสมุดและปากกามาจดบันทึกความคิดและความรู้สึกของตัวเองลงไป ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่น่ายินดีอย่างยิ่ง และยังทำให้คุณได้ใช้กล้ามเนื้อของนิ้วมือที่แทบไม่เคยได้จดอะไรเลยอีกด้วย
หรือถ้าคุณบอกว่า การพกกระดาษและปากกามันไม่สะดวก นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา คุณแค่บันทึกทุกอย่างลงในโทรศัพท์มือถือ หรือแท็บเล็ตก็ได้ เพราะการจดบันทึกนั้นจะช่วยให้คุณไม่พลาดข้อมูลสำคัญ รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ และยังได้ไอเดียใหม่ๆ ในการพัฒนาสินค้าอีกด้วย
2. เขียนเพื่อคนที่คุณรัก
การ์ดแสดงความขอบคุณ ซาบซึ้งใจ การ์ดให้เพื่อนรัก จดหมายรัก หรือแม้แต่อีเมล์ ก็มีประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาทักษะการเขียน ไม่ว่าในชีวิตการทำงานคุณจะเขียนบล็อกเครียด หรือมีสาระแค่ไหนก็ตาม แต่ก็อย่าลืมทักษะการเขียนแบบเบาๆ บ้าง อาทิ
• เขียนเพื่อชื่นชมผู้อื่นจากใจจริง
• เขียนเพื่อฝึกการใช้คำ ตัวสะกด
• เขียนทุกอย่างที่เป็นความจริง มีความซื่อสัตย์
สิ่งสำคัญที่สุดคือ เขียนเพื่อแบ่งปันเรื่องราวดีๆ กับคนที่คุณรัก และคุณยังใช้โอกาสนี้เพื่อซ่อมแซมความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นนักก็ได้ ซึ่งไม่แน่ว่าคุณอาจได้รอยยิ้มจากใครบางคน
3. ลองเขียนบล็อกดูซิ
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นถึงเรื่องการใช้กล้ามเนื้อ ยิ่งคุณยิ่งเขียนมากเท่าไร กล้ามเนื้อบริเวณนิ้วก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น และเมื่อคุณพร้อมสำหรับก้าวต่อไปแล้ว ลองเลือกเว็บไซต์ เว็บบอร์ด หรือบล็อกอะไรก็ได้ที่เหมาะกับคุณ เพื่อเปิดเผยทักษะการเขียน
ในช่วงแรกคุณอาจเขียนเดือนละครั้งหรือสองครั้งก็ได้ แต่ต้องมีการกำหนดเวลาที่แน่นอน มิเช่นนั้นคุณก็จะเอ้อระเหยลอยชายไปเรื่อยๆ
คำเตือน : ควรพิจารณาให้ดีเกี่ยวกับการเลือกใช้คำ สำนวน ไวยากรณ์ เพราะความผิดพลาดเหล่านี้อาจส่งผลเสียต่อคุณในอนาคตได้
4. สมัคร Twitter เดี๋ยวนี้
คุณอาจเคยได้ยินหลายคนบอกว่าทวิตเตอร์เป็นเรื่องไร้สาระ มีไว้แค่พูดคุยสั้นๆ เท่านี้ แต่รู้หรือไม่ว่าข้อดีของการพิมพ์ได้แค่ 140 ตัวอักษร หรือน้อยกว่านั้นคืออะไร ด้วยข้อจำกัดที่มีนั้นจะทำให้คุณได้ใช้สมองอย่างจริงจัง เพื่อคิดคำหรือประโยคให้ง่าย สั้น และได้ใจความ นอกจากนี้ คุณยังจะได้เรียนรู้การใช้คำย่อต่างๆ และคำฟุ่มเฟือยที่ไม่จำเป็นอีกด้วย
5. วิ่งเข้าหาที่ปรึกษา
หลังจากฝึกปรือฝีมือมาพอสมควรแล้ว การเรียนรู้เองคนเดียวก็อาจจะไม่สนุกอีกต่อไป ลองใช้ทักษะที่มีให้คำปรึกษาเรื่องการเขียนกับคนอื่นบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ถ้าคุณอยู่ในองค์กรขนาดใหญ่ที่มีผู้เชี่ยวชาญ หรือฝ่ายประชาสัมพันธ์ การตลาด ลองเอางานเขียนของคุณไปให้พวกเขาวิจารณ์ดูบ้าง หมั่นทำความรู้จักกับผู้เชี่ยวชาญด้านนี้จริงๆ เพื่อเก็บเกี่ยวทักษะบางส่วนที่พวกเขามีมาใช้กับตัวเอง พยายามพัฒนาทักษะการเขียนเท่าที่จะทำได้ เพื่อต่อยอดการทำธุรกิจและอื่นๆ อีกมากมายที่กำลังจะเกิดขึ้น
ซึ่งที่กล่าวไปทั้ง 5 ข้อนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆ เท่านั้น เพราะเรายังไม่ได้กล่าวถึงการทำ SEO หรือใช้การใช้สื่อออนไลน์ ถ้าคุณต้องการพัฒนาการเขียนอย่างจริงจัง ก็ควรเริ่มทำตั้งแต่ข้อแรก เพราะจะช่วยฝึกนิสัยการใช้ชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี ถ้ามีใจรักซะอย่าง ไม่ว่าจะเขียนเรื่องอะไร สุดท้ายก็เป็นเรื่องที่เราพอใจอยู่ดี
