5 ปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาเว็บไซต์ที่นักการตลาดควรรู้

  • 823
  •  
  •  
  •  
  •  

การตลาดและจิตวิทยานั้นเป็นสิ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากในยุคปี 1950s ซึ่งในยุคนั้นถ้าใครได้ดู Series Madmen จะเห็นว่าบริษัทโฆษณาต่าง ๆ นั้นจะมีที่ปรึกษาหรือนักจิตวิทยาที่เคยทำงานวิจัยด้านผู้บริโภคให้เพื่อให้นักการตลาดในบริษัทโฆษณานั้นสามารถเอาความรู้เหล่านั้นไปใช้งานได้ในการทำการตลาดและโฆษณาสินค้าและบริการต่าง ๆ ขึ้นมา รวมทั้งสร้างความได้เปรียบต่าง ๆ กับคู่แข่งอื่น ๆ อีกด้วย แต่ด้วยการที่มีเทคโนโลยีต่าง ๆ เกิดขึ้นมา การพัฒนาทางด้านสังคม และการแข่งขันที่มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นทำให้วิธีการนี้ที่มีความช้าในการทำวิจัยไม่ทันใจต่อนักการตลาดจนทำให้นักการตลาดไม่ได้สนใจอีกต่อไป

ในความจริงแล้วกระบวนการทางการใช้จิตวิทยาเหล่านี้เรียกได้ว่าสามารถจัดการกลุ่มผู้บริโภคขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย และได้ผลอย่างที่นักการตลาดต้องการอีกด้วยเพราะด้วยความเข้าใจว่าความคิดของมนุษย์นั้นทำงานอย่างไร ทำให้คุณสามารถวางเป้าหมายในการทำ Campaign ได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นมา ทั้งนี้ความรู้เหล่านี้และหลักการทางจิตวิทยาเหล่านี้สามารถเอามาปรับใช้ได้อย่างมากมายกับการทำการตลาดผ่าน Digital Marketing ในปัจจุบัน โดยเฉพาะ Website ที่สามารถเอาหลักการ 5 หลักการนี้ไปใช้ได้อย่างทันทีและสร้าง Website ที่ทรงประสิทธิภาพขึ้นมาได้

1. Social Proof : หลักการนี้เป็นหลักการที่ใช้กันอย่างมากในการทำ e-commerce ในปัจจุบัน เพราะด้วยการที่มนุษย์นั้นเป็นสัตว์สังคมประเภทหนึ่งทำให้การที่คนอื่นทำอะไร หรือกลุ่มสังคมทำอะไร ย่อมทำให้คนนั้นทำตามขึ้นมาด้วย เพราะด้วยการที่มนุษย์นั้นกลัวผิดพลาด หรือต้องเอาชีวิตรอดในสังคม ดังนั้นการที่เลือกอะไรที่ปลอดภัยที่คนส่วนใหญ่นั้นเลือกไว้ก่อน ทำให้เกิดโอกาสน้อยมากที่จะผิดพลาดได้ ด้วยหลักการนี้พวกเว็บไซต์ที่ต้องการขายสินค้าต่าง ๆ นั้นต่างใช้วิธีการนี้ในการดึงดูดลูกค้าให้มาซื้อสินค้าและบริการเพิ่มเติมขึ้นมาได้ ด้วยการที่บอกว่าผู้ใช้จำนวนมากเท่าไหร่ที่ใช้สินค้าและบริการนี้ไปแล้ว หรืออาจจะใช้ผู้เชี่ยวชาญที่มีความน่าเชื่อถือในสังคมอย่างมาก มาช่วยบอกเล่าเรื่องราวของผลิตภัณฑ์และบริการของนักการตลาดผ่านเว็บไซต์เพื่อสร้าง Social Proof เพิ่มเติมขึ้นมาได้

Social-Proof

2. Frequency Illusion : หลักการนี้ในทางวิทยาศาสตร์เรียกว่า Baader-Meinhof Phenomenon อธิบายอย่างง่าย ๆ ก็คือ เมื่อมีใครบางคนนั้นแนะนำบางสิ่งบางอย่างให้กับคุณ หรือคุณได้อ่านบางสิ่งบางอย่างนั้นมาจากหนังสือ และเมื่อคุณเดินทางกลับกลายเป็นว่าไม่ว่าคุณจะไปที่ไหนคุณจะเจอสิ่งนี้อยู่ทั่วทุกที่ที่คุณเห็น ทำให้คุณเชื่อได้ว่า สิ่งที่คุณเห็นนั้นมีความนัยบางอย่างหรือเป็นสิ่งเหนือทางธรรมชาติที่จะให้คุณทำหรือลงมือไป ทำให้เกิดการซื้อหรือขายสินค้าขึ้นมาได้ทันที ด้วยหลักการนี้นักการตลาดในปัจจุบันก็เอาเทคนิคนี้มาทำการเก็บข้อมูลของผู้ที่เคยเห็นโฆษณาหรือมีความสนใจที่ตรงกับสินค้าและบริการของนักการตลาด แล้วทำสิ่งที่เรียกว่า Retargeting เพื่อทำให้เกิดการซื้อสินค้าและบริการที่ต้องการขึ้นมาทันที

httpv://www.youtube.com/watch?v=p6hnC6QLvfo

3. Mere Exposure : คึอปรากฏการที่เพียงแค่ได้เจอแล้วรู้สึกว่าชอบและชอบมากขึ้น ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้รู้สึกมีความชอบหรือไม่ชอบขนาดนั้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะว่าวิวัฒนาการของมนุษย์นั้นทำให้มนุษย์นั้นมีสัญชาตญาณในการที่จะสร้างความคุ้นเคยกับสิ่งที่ได้เห็นบ่อย ๆ และทำความชอบกับสิ่งเหล่านั้นขึ้นมา เพราะพบว่าคุ้นเคยและไม่ได้ก่อปัญหาต่าง ๆ กับคุณได้ ด้วยการที่เห็นอะไรบ่อย ๆ เหล่านี้ก็สามารถสร้างความหลงใหลขึ้นมาอย่างมาก และกลายเป็นอีกทางหนึ่งในการสร้างสาวกของแบรนด์หรือชุมชนของแบรนด์ขึ้นมาอีกด้วย ความเข้าใจนี้ทำให้นักการตลาดสามารถที่จะสร้างเนื้อหาที่เจาะแต่ละกลุ่มและสร้างความคุ้นเคยต่าง ๆ ต่อแบรนด์ให้เพิ่มมากขึ้นมาได้

httpv://www.youtube.com/watch?v=6z9ex2Xbn0g

4. Paradox of Choice : หลักการนี้เป็นอีกหลักการที่เอามาใช้อย่างมากในปัจจุบันในการออกแบบตัวเลือกให้ผู้บริโภคนั้นสามารถเลือกได้อย่างง่ายดายเพิ่มมากขึ้น ด้วยการเข้าใจกลไกทางจิตใจของมนุษย์ต่อการเลือกสินค้าว่าไม่สามารถตัดสินใจเลือกได้ ถ้าตัวเลือกนั้นมีตัวเลือกมากกว่า 5 ตัวเลือกขึ้นไป และการมีตัวเลือกที่ดีที่สุดนั้นคือการสร้างตัวเลือกที่มีแค่ 3 ตัวเลือกขึ้นมา ทำให้ความเข้าใจด้านจิตวิทยานี้คนทำ Digital marketing สามารถเอามาออกแบบตัวเลือกสินค้าหรือตัวเลือกราคาต่าง ๆ บนหน้าเว็บไซต์ได้ และทำให้ผู้บริโภคนั้นตัดสินใจต่าง ๆ ได้ง่ายมากขึ้น

httpv://www.youtube.com/watch?v=VO6XEQIsCoM

5. Decoy Theory : ทฤษฏีตัวเลือกหลอก หลาย ๆ ครั้งด้วยการทำงานของสมองนั้นก็เล่นตลกกับมนุษย์ด้วยการที่สมองนั้นทำงานแบบขี้เกียจเพื่อประหยัดพลังงานในการทำงาน ทำให้นักการตลาดนั้นสามารถสร้างตัวเลือกหลอกทำให้ผู้บริโภคนั้นไปเลือกตัวเลือกที่นักการตลาดนั้นอยากให้ซื้อแทนขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ทำให้นักการตลาดสามารถควบคุมรายได้ หรือสร้างผลกำไรจำนวนมากขึ้นมาได้ขึ้นมา

httpv://www.youtube.com/watch?v=33aaQdtD20k


  • 823
  •  
  •  
  •  
  •  
Molek
Head of Strategic Marketing ใน Integrated Service Agency ที่หนึ่ง ผู้หลงใหลในหลาย ๆ ที่มีความอยากรู้และเรียนรู้ในเรื่อง Startup, นวัตกรรม, การตลาด จากมุมมองหลาย ๆ ด้านและวัฒนธรรมของแบรนด์ต่าง ๆ