ปัจจุบัน ดิจิตอลมาร์เกตติ้งถือเป็นกิจการที่นักมาร์เกตเตอร์สนใจเป็นอย่างยิ่ง โดยมีสัดส่วนงบโฆษณากว่า 117 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.7 ล้านล้านบาท) ทั่วโลกในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ดิจิตอลมาร์เกตติ้งถือเป็นเรื่องใหม่และยังต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมอีกมาก ลองดู 5 มายาคติที่ดิจิตอลมาร์เกตติ้งต้องพิจารณาให้ดีก่อนจะเชื่อ
1.ความสำเร็จของการตลาดบน Facebook วัดได้จากยอด Likes
เมื่อโซเชียลมีเดียกลายเป็นช่องทางหลักที่เจเนอเรชั่นใหม่ใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน มาร์เกตเตอร์จึงหาโอกาสสอดแทรกตัวเองเข้ามาเพื่อสร้าง engagement และ fan base นั้นถือเป็นเรื่องที่ดีแต่ดิจิตอลมาร์เกตติ้งหลายคนอาจลืมพิจารณา return on investment หรือเปล่า? ทุกวันนี้ เทคโนโลยีเอื้อให้คุณสามารถประเมินผลความสำเร็จของแคมเปญได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น มาร์เกตเตอร์จึงควร “ให้น้ำหนัก” แก่กิจกรรมต่างๆ บน Facebook แตกต่างกันออกไป และยอด Like ก็ไม่ได้การันตีว่าสินค้าของคุณจะขายได้
2.ทุกแบรนด์ควรมี mobile app
แน่นอนว่า mobile app กำลังมาแรงอย่างไม่ต้องสงสัย หลักฐานคือยอดดาวน์โหลดที่ร้อนแรงเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม แบรนด์ของคุณอาจไม่ต้องการ mobile app ก็ได้ เหตุผลแรกคือยอดดาวน์โหลดดังกล่าวกำลังชะลอตัวอย่างมีนัยยะสำคัญ สอง หลายบริษัทเน้นนโยบาย “ฉันด้วย” และแห่ทำ mobile app กันขนานใหญ่โดยไม่มีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน จำไว้ว่าโมบายแอพฯเองก็เป็นเพียงช่องทางหนึ่ง สาระสำคัญอยู่ที่เนื้อหาที่คุณจะใส่ลงไปต่างหาก
3.ทำอย่างไรก็ได้ให้ชื่อเว็บไซต์ฉันขึ้นไปอยู่บน Google
แน่นอนว่าเราไม่ปฏิเสธการขึ้นไปอยู่หน้าแรกของผลเสริช์บน Google หรอก อย่างไรก็ตาม นักการตลาดที่ดีควรบริหารเว็บไซต์และเว็บดีไซน์ให้น่าเข้าอยู่เสมอ และอย่างลืมว่า parameter และ algorithms ของ Google เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การใส่คีย์เวิร์ดเพื่อหวังให้ Google ค้นหาเจออย่างเดียวจึงอาจไม่ใช้ความคิดที่ดีนัก
4.โปรแกรมสำเร็จรูปเป็นทุกอย่างที่คุณต้องการสำหรับบริหาร SEM
Search engine marketing (SEM) เป็นสิ่งที่แบรนด์ให้ความสนใจอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงหลายบริษัทพึ่งพาโปรแกรมสำเร็จรูปในการทำ SEM recommendations และ metric ซึ่งทำให้การวิเคราะห์ว่าคีย์เวิร์ดตัวไหนหรือโฆษณาตัวไหนน่าจะประสบความสำเร็จคลาดเคลื่อน ปัจจัยที่น่าจะช่วยคุณวิเคราะห์ความสำเร็จได้ดีคือค่า pay-per-click ต่อแคมเปญ, page rank และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
5.เวบไซค์ที่ตอบสนองกับการใช้งานผ่านมือถือไม่เห็นจำเป็นเลย
อันนี้น่าจะผิดถนัดเพราะทุกวันนี้ผู้บริโภคนิยมเสิร์จหาข้อมูลทาง desktop และ laptop เป็นส่วนใหญ่ และหากคุณเคยเข้าเวบไซต์ที่ไม่รองรับการใช้งานทางสมาร์ทโฟน ก็จะเห็นว่าดีไซน์ดูเละเทะและสามารถใช้งานได้ค่อนข้างยาก ดังนั้น responsive design จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเวบไซต์ของคุณในปัจจุบันนี้