SEO นั้นเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างมากในการทำ Digital Marketing ตอนนี้ เพราะ SEO นั้นทำให้ตัวแบรนด์หรือสินค้าเองนั้นเข้าไปปรากฏอยู่ในชีวิตผู้บริโภคผ่าน Micro Moment ต่าง ๆ การทำ SEO ที่ถูกต้องและทำได้ดีนั้นสามารถเอาแบรนด์เข้าไปอยู่ได้ถูกที่ ถูกเวลา และถูกความต้องการของผู้บริโภคจนสามารถเปลี่ยนผู้บริโภคนั้นให้กลายเป็นลูกค้าขึ้นมาได้
การทำ Digital Marketing Strategy ในยุคนี้นั้นการทำ SEO กลายเป็นส่วนสำคัญอย่างมากที่จะทำให้กลยุทธ์บน Digital ทั้งหมดนั้นได้ผลหรือไม่ได้ผล เพราะถือว่าเป็นฟันเฟืองหนึ่งที่สำคัญอย่างมาก และการทำ SEO ที่ดีจะทำให้แบรนด์สามารถประหยัดงบประมาณไปได้อย่างมากมาย ทั้งนี้การทำ SEO นี้ถ้าทำให้ถูกวิธีก็ได้ผลเป็นอย่างดี แต่ด้วยความเข้าใจผิดของนักการตลาดทำให้การทำ SEO นั้นให้การตลาดไม่ได้ผลหรือไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร และเมื่อผลนั้นไม่ดีก็ทำให้คิดไปเองว่าการทำ SEO นั้นไม่ได้ผลดีในยุคนี้หรือไม่ควรทำอีกต่อไป และนี้คือ 5 ความเชื่อที่ผิด ๆ ในการทำ SEO แล้วทำให้เสียเวลา เสียเงิน เสียแรงไปกับการทำ SEO ที่ผิดทาง
1. ทุกอย่างเป็นเรื่อง Ranking
คิดง่าย ๆ แบบทั่วไปด้วยการทำ SEO นั้นคือการทำให้ Website นั้นสามารถเข้ามาติดอันดับใน Search Engine ในคำค้นหาที่วางแผนไว้ได้ ไม่ว่าจะเป็นใน Google, Bing และ Yahoo ต่างใช้หลักการนี้กันหมด การติดอันดับ Search Engine นั้นก็มีส่วนในการทำ SEO แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ด้วยการวางกลยุทธ์ SEO ที่ดีคือเนื้อหาที่ทำ SEO นั้นต้องทำหน้าที่อื่น ๆ ให้ดีด้วย นั้นคือการให้ข้อมูลที่ผู้บริโภคต้องการออกไป ลองนึกภาพว่าทำเนื้อหาที่ติดอันดับต้น ๆ Google Search แต่กลับกลายเป็นว่าเนื้อหานั้นไม่มีประโยชน์ อ่านไม่รู้เรื่องเพราะวางแต่ SEO กันมา การทำให้ SEO ติดอันดับก็ไร้ค่า การทำ SEO ที่ดีต้องวางทุกอย่างให้สมดุลโดยเอาผู้บริโภคเป็นตัวตั้งขึ้นมานั้นเอง วิธีการที่ดีคือการที่ SEO ของนักการตลาดนั้นต้องมี Keyword ที่เลือกมาเป็นอย่างดี โดย Keyword นี้ต้องสำคัญกับผู้บริโภคและมีส่วนเกี่ยวข้องกับแบรนด์ด้วย และสร้างเนื้อหาที่มีประโยชน์จนผู้บริโภคนั้นสนใจเข้ามาดูสินค้าหรือบริการต่อในหน้าเว็บไซต์ต่อไปได้
2. การใช้ Keyword ซ้ำ ๆ เวิร์ค
หลาย ๆ คนใช้ทางลัดโดยการให้หน้าเนื้อหาของตัวเองนั้นมี Keyword ที่ซ้ำ ๆ บ่อย ๆ ถี่ ๆ เพื่อที่จะให้ติด SEO ได้ง่ายมากขึ้นหรือขึ้นอันดับได้ง่าย แต่อยากที่บอกไปการมีคำซ้ำมาก ๆ และถี่ ๆ นั้นต่างไม่เป็นผลดีต่อการทำ SEO ในระยะยาว เพราะคนนั้นจะไม่สนใจหรือมองว่าเนื้อหานี้คือเนื้อหาไร้สาระ การวางแผนว่าจะวาง Keyword อยู่ที่ไหนและใช้อย่างไรนั้นเป็นก้าวแรกและก้าวสำคัญอย่างมากใน SEO การใช้ Keyword แบบดังกล่าวนั้นเป็นการทำ SEO ที่ไม่ดี ซึ่งในการทำ SEO หลายคนใช้วิธีการวาง Keyword ที่เรียกว่า keyword stuffing ซึ่งด้วยวิธีนี้จะทำให้ Algorithm ของ Google ที่เรียกว่า Google Panda นั้นจับตาดูเป็นพิเศษและจัดว่าเป็น Black hat SEO อีกด้วย
3. Meta Tag นั้นไม่สำคัญ
Meta Tag นั้นเป็นหนึ่งใน HTML Tag ซึ่งอยู่ในระหว่าง tag ที่เปิดและปิดของเว็บไซต์ ซึ่ง Meta Tag นั้นประกอบด้วย 3 ส่วนคือ title tag, meta description และ meta keywords แต่ก็มีการถกเถียงกันในการทำ SEO ว่า Meta Tag นี้ให้มีความสำคัญแค่ไหนเพราะ Search Engine หลาย ๆ อันไม่ได้ใช้ Meta Tag นั้นในการจัดอันดับออกมา ในความจริงแล้ว Meta Tag นั้นยังมีความสำคัญอยู่อย่างมาก เพราะว่าmeta descriptions เป็นส่วนข้อความอธิบายของเว็บไซต์ที่จะไปปรากฏอยู่ใน Search Engine อีกด้วยและทำให้ผู้บริโภคที่กำลังค้นหาเข้าใจว่าเว็บไซต์นั้นมีข้อมูลอย่างไร ข้อความ Meta Tag ที่ดีทำให้ผู้บริโภคคล้อยตามและกดเข้ามาที่เว็บไซต์ได้ง่ายมากขึ้น
4. อย่าทำลิงก์ส่งคนออกไปข้างนอก เพราะจะทำให้คนไม่กลับมา
ในระยะสั้นนั้นเป็นจริง แต่ในระยะยาวจะส่งผลดีกว่าเพราะถ้าคุณสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีในการให้ข้อมูลต่าง ๆ และเมื่อประสบการณ์นั้นดี ผู้บริโภคย่อมกลับมาที่เว็บไซต์ใหม่ได้เพื่อมาหาข้อมูลเพิ่มเติมหรือหาประสบการณ์ที่ดีแบบนี้ใหม่เรื่อย ๆ สิ่งที่สำคัญกว่าไม่ใช่การกังวลว่าจะส่งลิงก์ออกไปแค่ไหน แต่เป็นการคิดว่า Keyword ที่ใช้นั้นตรงกับสิ่งที่ผู้บริโภคกำลังค้นหาอยู่ใหม่ การสร้างการค้นหาที่ใกล้เคียงออกไปทำให้เกิด SEO ที่ได้ผลดีกว่า
5.Organic Media ดีกว่าการจ่ายเงิน
ไม่มีข้อมูลยืนยันว่าการทำ Organic Search ดีกว่าการทำ Paid Search แต่จากการทำการวิจัยในเรื่องนี้มากลับให้ผลตรงกันข้ามเพราะด้วยการทำวิจัยของ Clutch พบว่า Paid Search นั้นสามารถให้ผลด้าน Conversion Traffic เพิ่มขึ้นกว่า 35% เมื่อเทียบกับ Organic Search ด้วย Paid Search นั้นสามารถปรับปรุง Organic Search ให้ดีขึ้นได้ด้วย เพราะด้วย Paid Search นี้นักการตลาดนั้นจะรู้ว่า Keyword ไหนที่ให้ผลดีจนสามารถเอามาทำ Organic SEO ได้ต่อไป