จากการที่ผู้บริโภคไทยนั้นมีความนิยมใน Twitter อย่างมาก โดนเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ไม่อยากเจอกลุ่มผู้ปกครอง ครูหรือเจ้านายตัวเองใน Facebook ดังนั้นจึงย้ายเข้ามาอยู่ใน Twitter แล้วแสดงออกในความคิดกับตัวตน พร้อมทั้งถกเถียงกระแสต่าง ๆ ผ่านช่องทาง Twitter ทำให้คนทั่วไปได้เห็นว่ากระแส Twitter นั้นก่อให้เกิดเทรนด์ต่าง ๆ อย่างมากมาย ตัวอย่างเช่น เรื่องบะหมี่หยก ที่เกิดขึ้นจากการถกเถียงเรื่องนี้ใน Twitter นั้นเอง
ด้วยความที่ Twitter มีอิทธิพลต่อสังคมมากมายเช่นนี้ ทำให้นักการตลาดนั้นต่างแสวงหาโอกาสทางการตลาดที่จะใช้เครื่องมือนี้ขึ้น และเปลี่ยนจากกลุ่มเป้าหมายที่สนทนากันใน Twitter นั้นให้มาสนใจแบรนด์ สร้างกระแสให้แบรนด์ จนถึงเปลี่ยนเป็นยอดขายได้ขึ้นมา ทั้งนี้ด้วยความที่มีความนิยมนี้เองนักการตลาดจึงแสวงหาเครื่องมือในการที่จะการตลาดและหาทางที่จะทำให้การตลาดได้ผลสูงสุดใน Platform เหล่านี้ ซึ่งในการทำนั้นต้องใช้แรงงานอย่างมากมาย เพราะ Twitter ไม่ใช่แค่เรื่องการโพส Content อย่างเดียว แต่เป็นการวัดผลหรือใช้มาตรวัดผลที่ถูกต้องด้วยขึ้นมา ทั้งนี้ในบทความนี้จะพานักการตลาดที่สนใจในการทำการตลาดบน Twitter นั้นไปรู้จักกับ 5 Metric ที่สำคัญในการวัดผล Twitter ในตอนนี้
1. Engagement Rate : ด้วยความที่ Twitter นั้นไม่ต่างจาก social media อื่น ๆ ทำให้การปฏิสัมพันธ์บน Twitter นั้นเป็นค่าที่สำคัญอย่างมากที่จำทำให้รู้ว่ามีคนมาปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์คุณอย่างไร โดย Engagement ใน Twitter นั้นคือการนับจำนวน Likes, Comments และ Retweets ที่เกิดขึ้นใน Tweet ของคุณ นอกจากนี้อาจจะเอาค่า share link ต่าง ๆ จากแบรนด์คุณมาใช้เสริมกับค่า engagement ที่ Twitter วัดมาให้ก็ได้
ด้วยการใช้ Engagement นี้จะทำให้นักการตลาดนั้นสามารถวิเคราะห์โพสต่าง ๆ ได้ในเชิงลึกขึ้นอย่างมาก โดยดูค่า Engagement ในรูปแบบต่าง ๆ เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นค่า hashtags, Favorite, retweets และ Replies ด้วยข้อมูลที่ได้มาเหล่านี้ คุณจะสามารถวางแผนต่อได้ว่าจะทำ Twitter ของคุณอย่างไรให้มีประสิทธิภาพต่อไปได้
2. Post-wise performance : ทางหนึ่งที่น่าสนใจในการติดตามประสิทธิภาพของ Twitter ในการวัด Tweet ในแต่ละ Tweet ของคุณ โดยการนำข้อมูลของการ Engagement ทั้งหมดและ impression ผ่านตัว Twitter Analytics
ด้วยการทำวิเคราะห์ Content แต่ละชิ้นนั้นจะทำให้คุณเข้าใจได้ว่าคุณมีประสิทธิภาพแค่ไหนบน Platform ของ Twitter นี้ ด้วยการวิเคราะห์ผ่าน Post-wise performance นั้นจะทำให้คุณเห็นว่า Tweet อันไหนของคุณทำหน้าที่ได้ดี อันไหนที่แย่ ด้วยการวิเคราะห์นี้จะทำให้คุณสามารถสร้างกลยุทธ์ของ Content ต่อไปได้ โดยการเอาเนื้อหาที่ได้ผลดี มาขยายผลค่อไป
3. Audience Metrics : ด้วยความสำคัญในการติดตามการ Engagement นี้เอง คุณสามารถใช้ Engagement นี้มาขยายผลต่อในการหาค่าที่สำคัญอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น การหาว่าแท้จริงแล้ว Audience ของคุณนั้นเป็นใครกันแน่ ด้วยการที่จะเห็นแค่คนติดตามคุณเป็นกลุ่มใหญ่ ก็สามารถทำให้เห็น Segment ของคนที่ติดตามคุณได้ว่าเป็นใครบ้าง
ด้วยการเข้าใจกลุ่มผู้ฟังของตัวเองนั้นจะสามารถทำให้นักการตลาดเข้าใจได้ว่าจะสร้าง Tweet ที่เจาะแต่ละกลุ่มเป้าหมายของตัวเองอย่างไร ยิ่งใช้พร้อมกับเครื่องมือของ Twitter เองก็สามารถทำการติดตามกลุ่ม Audience เหล่านี้ว่ามีลักษณะแบบไหน เพื่อนำมาสร้าง Persona ต่อได้ด้วย
4. Video Completion Rate : การที่ Twitter เป็น Social media ทำให้การทำ Video Content บน Twitter นั้นสามารถเกิดขึ้นได้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือการที่นักการตลาดส่วนใหญ่อาจจะยังยึดติดกับค่าการวัดว่ามีคนนั้นดูวิดีโอเท่าไหร่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ควรจะวัดว่ามีคนดูวิดีโอนั้นจบเป็นกี่ % กันแน่ ซึ่งจะทำให้เห็นภาพได้ว่าวิดีโอที่คุณโพสลงไปนั้นมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน
ด้วยการที่รู้ว่าวิดีโอนี้สร้างผลได้ดี มีคนดูจนจบมากน้อยแค่ไหน ก็จะสามารถเอาสข้อมูลตรงนี้มาสร้าง insight ในการทำวิดีโอต่อมาของ Twitter ได้ ขึ้นมา
5. ROI : สุดท้ายแล้ว สิ่งที่นักการตลาดต้องวัดอย่างมากคือการวัดว่า มีผลตอบแทนที่คุ้มค่าการลงทุนใน Twitter หรือไม่ ด้วยการดูค่า Conversion Rate ต่าง ๆ ที่ออกมา จะทำให้คุณรู้ว่า สิ่งที่นักการตลาดนั้นทำลงไปใน Twitter คุ้มค่าต่อการลงทุนหรือไม่ นอกจากนี้ที่สำคัญคือ Twitter ก็มีเครื่องมือในการวัดผล ROI นี้อยู่ใน Twitter Analytics เลย
