5 ความเชื่อผิด ๆ เรื่อง Influencer

Influencer นั้นเป็นกลวิธีหนึ่งที่ใช้ในการทำตามกลยุทธ์ที่วางไว้เพื่อให้แบรนด์และสินค้าไปถึงเป้าหมายที่ทำให้ผู้บริโภค กลุ่มเป้าหมายรู้จัก และเกิดความน่าเชื่อถือ โดยให้ Influencer นั้นสามารถสร้างความเชื่อและชักชวนให้กลุ่มเป้าหมายนั้นสามารถกลายมาเป็นลูกค้าได้ หรือทำให้คนที่ติดตาม Influnecer นั้นเกิดความเชื่อถือในภาพลักษณ์ที่แบรนด์เป็นจากการใช้ Influencer นั้น ๆ ออกมา

หลาย ๆ ครั้งนักการตลาดก็มอง Influencer ผิดไปจากการที่จะทำงานร่วมมือกับ Influencer หรือหา Influencer ที่ใช่ที่เข้ากับแบรนด์ในการสร้างสรรค์แบรนด์ในรูปแบบการสื่อสารของ Influencer ออกมาให้ดีที่สุด กลายมาเป็นมอง Influencer เป็นแค่ Channel Media ที่จะกลายมาเป็นคนพูดข้อความทางการตลาดของแบรนด์หรือพูดขายของให้แบรนด์แทน ทั้งนี้ยังมีความเข้าใจผิดอีกหลาย ๆ อย่างที่นักการตลาดหรือแม้แต่คนทำเอเจนซี่เองก็ยังเข้าใจผิด และนี้คือ 5 ข้อที่คนทำการตลาดมักเข้าใจผิดกับการทำงานกับ Influencer ด้วยกัน

1. Influencer จะทำงานให้ฟรีถ้าให้ของ

นักการตลาดหรือคนทำงานเอเจนซี่ชอบคิดว่า เอาของให้ Influencer แล้ว Influencer จะรีวิวหรือพูดถึงเชียร์ให้เลย หรือ พา Influencer มากินพิซซ่า โค้ก หรือไก่ทอด เลี้ยงด้วยงบประมาณถูก ๆ น้อย ๆ ก็จะทำให้ Influecer พูดให้แบรนด์ได้เลย ซึ่งคิดว่า Influencer จะทำงานให้ฟรีนั้นเอง

ในความจริงแล้ว : Influencer นั้นไทำงานในรูปแบบเดียวกับธุรกิจทั่วไป ทุกคนนั้นต้องกินต้องใช้และต้องมีค่าใช่จ่ายต่าง ๆ ในการทำงาน การส่งอะไรให้ทำฟรี ๆ โดยไม่มีค่าตอบแทนก็เหมือนส่งให้ Influencer คิดว่าจะทำหรือไม่ทำก็ได้นั้นเอง

2. Influencer สามารถทำให้แบรนด์เพิ่มตัวเลขใน Social Media ได้

หลาย ๆ คนคิดว่า Influencer นั้นสามารถสร้างกระแสได้อย่างมากมายผ่านทางช่องทางตัวเอง หรือสามารถสร้างความเชื่อจนส่งผลกลับมาตัวแบรนด์ให้มีค่าตัวเลขทาง Social Media ต่าง ๆ ของตัวเองสูงขึ้นมาได้ตามที่ Influencer เคยทำนั้นเอง

ในความจริงแล้ว : Influencer ไม่ได้สามารถการันตีว่าจะสามารถสร้างกระแสได้ขนาดเนื้อหาที่ตัวเองทำ เพราะขึ้นอยู่กับตัวตนและสินค้าแบรนด์ว่าตรงใจผู้บริโภคอีกหรือไม่ ซึ่งทางที่ดีคือการต้องลงเงินเพื่อโปรโมทโพสดังกล่าวทั้งในของ Influencer เองและช่องทางตัวเองเข้าด้วยกัน

3. Influencer ไม่จำเป็นต้องมีบรีฟ

ทุกครั้งที่ทำงานกับ Influencer นักการตลาดชอบคิดว่า ส่งข้อความไปให้ Influencer โพสแล้วจะใช้ได้เลย ไม่จำเป็นต้องเล่าว่าจะทำอะไร ทำไปเพื่ออะไร อยากได้อะไรออกมาเป็น Output หรืออยากได้อะไรจาก Influencer ออกมา

ในความจริงแล้ว : Influencer ไม่ได้ทำงานร่วมกับแบรนด์เหมือนที่เอเจนซี่ทำ เพราะฉะนั้นการมีบบรีฟเพื่อให้เกิดการเข้าใจแบรนด์และความต้องการว่าอยากจะได้อะไรนั้นจึงสำคัญเช่นกันเพื่อที่ Influencer จะสามารถออกแบบงานได้ถูกต้องตามความต้องการและได้ผลที่ต้องกับความคาดหวังขึ้นมา

4. มีแต่ PR หรือ Media Agency ที่ทำงานร่วมกับ Influencer ได้

เนื่องจากนักการตลาดชอบจัด Influencer เป็นสื่อเหมือนโฆษณาแบบป้าย OOH หรือมี Airtime และมองเป็นช่องทางการประชาสัมพันธ์จึงนิยมให้ PR และ Media Agency เป็นคนกลางในการติดต่อให้ Influencer ทำงานต่าง ๆ ออกมาตามที่แบรนด์ต้องการ

ในความจริงแล้ว : ใคร ๆ หรือฝ่ายไหนก็ทำงานร่วมกับ Influencer ได้ ขึ้นกับว่า concept คืออะไรและอยากได้อะไรจากการทำงานของ Influencer ออกมา เช่น Creative Agency อาจจะคิดงานแคมเปญที่มี Influencer เป็นส่วนหนึ่งของ Campaign และทำให้คนติดต่อต้องเป็น Creative Agency เพื่อที่จะสามารถเล่าแนวคิดการทำงานและสิ่งที่ต้องการได้ดีกว่าเอเจนซี่อื่น ๆ

5. Content Partner ไม่ใช่ Influencer

หลาย ๆ คนชอบคิดว่าพวกเว็บ Content นั้นเป็นแค่สื่อ Publisher ธรรมดา และทำงานเหมือนการซื้อสื่อในแบบอดีตทั่ว ๆ ไป มองเป็นแค่ช่องทางการซื้อมีเดียโฆษณาต่าง ๆ เท่านั้นโดยไม่ได้มองว่านี้คือ Influencer แบบหนึ่ง

ในความจริงแล้ว : Content Partner ต่าง ๆ นั้นต่างก็มีอิทธิผลทางความคิดไม่ต่างจาก Influencer ทั้งหลายและเรียกได้ว่าเป็น Influencer แบบหนึ่งเช่นกัน เพราะฉะนั้นการทำงานร่วมกับ Content Partner เหล่านี้วิธีการทำงานก็ไม่ต่างจาก Influencer เลยเพื่อให้ผลนั้นดีที่สุด

ทั้ง 5 ข้อนี้มักเป็น 5 ข้อที่คนทำการตลาดและคนทำเอเจนซี่หลาย ๆ คนมักมองข้ามกัน หรือไม่ได้คิดว่า Influencer เหล่านี้มีวิธีการทำงานได้หลากหลายรูปแบบ หรือทำงานให้ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ ถ้าหยุดเชื่อในความเชื่อผิด ๆ เหล่านี้ไป