ยุคนี้เราพูดถึงคอนเทนต์มาร์เกตติ้งกันมากมายจนบางครั้งลืมเช็คไปว่าสิ่งที่เราส่งไปเข้ากันได้กับ brand message ที่เราทำมาตลอดหรือไม่?
Brand message คือสารของบริษัทที่พีอาร์ต้องรักษาเพื่อคงภาพลักษณ์แบรนด์ให้เหมือนเดิมในทุกช่องทาง ไม่ว่าคุณจะทำแคมเปญแบบไหน ทำการประชาสัมพันธ์อย่างไร คุณต้องเริ่มต้นจากตัวตนของคุณเองว่า “แบรนด์เป็นใคร” แล้วจึงจะสื่อสารได้เหมาะสมกับตัวตน
ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนก่อนทำการ “พูด” หรือก็คือการทำแคมเปญ การสื่อสารของพีอาร์และมาร์เกตเตอร์ มีอะไรที่คุณควรเช็คก่อนส่งสารออกไปให้ผู้บริโภครับสารกัน ลองดูกันครับ
1.คุณหรือบริษัทของคุณเป็นใครกันแน่?
เริ่มจากแบรนด์ของคุณชื่ออะไร หากเป็นตัวย่อ เช่น IBM ผู้คนจำมันได้ไหม ควรสื่อสารชื่อแบรนด์ทุกครั้งที่โฆษณาหรือไม่ จากนั้นก็เริ่มมองออกไปว่ามีใครบ้างที่มีจุดยืนหรือภาพลักษณ์ตรงกับวิสัยทัศน์และภารกิจของคุณ มองหา “ไอดอล” ทางธุรกิจที่คุณอยากเป็นและหาทางให้แบรนด์ของคุณยิ่งใหญ่ได้เหมือนพวกเขา
2.คุณทำอะไร?
พื้นฐานมาก สินค้าหรือบริการของคุณให้อะไรกับลูกค้า อย่าเพิ่งงัด “กลยุทธ์การขาย” มาหลอกตัวเอง มองให้แตกและซื่อสัตย์ว่าทำไมผู้บริโภคต้องการผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ
ลิสต์ลงมาว่าแบรนด์ของคุณมอบอะไรให้แก่ผู้บริโภคมา 5-8 คำ สโลแกนอาจไม่จำเป็นในส่วนนี้ และหาข้อความ call-to-action ที่ทรงพลังให้ลูกค้าเข้ามาซื้อหาสินค้าและบริการของแบรนด์คุณไป
3.ทำไมคุณถึงสำคัญล่ะ?
คิด คิด และคิดว่าทำไมสิ่งที่คุณบอกผู้บริโภคถึงจำเป็นกับชีวิตของพวกเขา คุณมีตัวตนบนโลกออนไลน์ทำไมและสิ่งที่คุณพร่ำบอกพวกเขามันเก่าหรือน่าเบื่อหรือไม่? ทั่วไปแล้วผู้บริโภคอยากฟังสิ่งที่มีประโยชน์แต่พวกเขาไม่อยากฟังคุณขายของ ดังนั้นในบางครั้งคุณอาจ “พูด” ผ่านเสียงของนักข่าวด้วยการแชร์ข่าวที่น่าสนใจ พูดผ่านกระทู้น่าสนใจของ pantip.com หรือคอนเทนต์อื่นๆ ที่คุณคิดว่าเหมาะกับผู้บริโภค
4.หาหลักฐานที่แสดงว่าสิ่งที่คุณพูดมันจริง
มาร์เกตเตอร์พูดสิ่งต่างๆ มาร้อยแปดพันเก้า แต่จะมีสักกี่คนที่จริงจังกับสิ่งที่ตัวเองพูดด้วยการยกตัวเลข ผลสำรวจ หรือสถิติมาบอกชัดเจนว่าสิ่งที่พูดมันจริงร้อยเปอร์เซนต์ การพิสูจน์ว่าสิ่งที่คุณโฆษณาไปนั้นจริงสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์และทำให้พวกเขาเชื่อถือสินค้าและบริการที่คุณนำเสนอให้กับพวกเขา