ในยุคเทคโนโลยีต่าง ๆ นั้นอยู่รอบตัวผู้บริโภคอย่างมาก และมีจำนวน Data นั้นเกิดขึ้นอย่างมากมายเรียกได้ว่ามหาศาลนั้นเอง ทำให้คนที่รู้จักวิธีการได้มาซึ่ง Data นั้นไม่สามารถที่จะพูดได้เลยว่าหาไม่ได้ หรือเก็บไม่ได้ขึ้นมา ซึ่งในทุกวันนี้การสร้างกลยุทธ์การเก็บ Data ของลูกค้าหรืือกลุ่มเป้าหมายตัวเองนั้นมีความสำคัญอย่างมากในการทำการตลาด เพื่อที่จะเอา Data ที่มีจำนวนมากมายนี้มาวิเคราะห์ต่อเพื่อหาทางสร้างการเจริญเติบโตทางการตลาดเพิ่มขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ในทุกวันนี้นั้นผู้บริโภคมีความคาดหวังต่อแบรนด์อย่างมากในการที่จะสามารถทำการตลาดที่เฉพาะเจาะจงกับตัวผู้บริโภคเองได้ กว่า 80% นั้นบอกเลยว่ามีสิทธิ์ที่จะซื้อสินค้าจากธุรกิจที่สามารถสร้าง Personnalized Expriences ให้ตัวเองขึ้นมาได้ ซึ่งวิธีการที่จะทำให้ได้ตามความคาดหวังของผู้บริโภคนี้คือการใช้ Data เหล่านี้มาหาว่า Message อะไรที่จะตรงใจผู้บริโภค หรือภาพแบบไหนที่ผู้บริโภคตัวเองชอบ หรือ บริบทที่ตัวเองต้องใส่ลงไปในการทำ Advertising ต่าง ๆ ด้วยวิธีการเหล่านี้ สามารถเอามาทำถึงขั้นการสร้าง Data เพื่อทำโฆษณาลงในช่องทาง Digital ได้อย่างดี โดยวันนี้มี 3 วิธีในการนำ Data นี้มาใช้ในการสร้างประโยชน์ในการทำ Video ในการทำ Digital Advertising
1. Personalize Video Ads จากการวิเคราะห์พฤติกรรม : วิธีการหนึ่งที่จะ Personalized Advertising ของตัวเองเพื่อจับเกลุ่มเป้าหมายเฉพาะได้นั้นคือการวิเคราะห์พฤติกรรมออกมา พร้อมบริบทของพฤติกรรมเหล่านั้นว่าเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมแบบใด เพื่อที่จะได้วางแผนในการสร้างวิดีโอให้ตรงกับพฤติกรรมและบริบทแบบนั้นขึ้น ซึ่งนักการตลาดนั้นสามารถทำได้ผ่านเครื่องมือที่เรียกว่า YouTube Director Mix ด้วยการถ่ายวิดีโอจาก Single shot แล้วเปลี่ยนวิดีโอ Source เดียวนี้ให้กลายเป็น Advertising ที่มีความหลากหลายเพิ่มขึ้นมาเป็น 100 ได้ทันทีจากข้อมูลที่มีมา
httpv://www.youtube.com/watch?v=zzdujh5LG80
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการที่วิดีโอที่ส่งเข้ามานั้นจะถูกรีมิกซ์ไปกับเสียงประกอบที่หลากหลาย รวมทั้ง motion graphics ต่าง ๆ พร้อมกับข้อความทางการตลาดที่จะส่งหาในแต่ละกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน ซึ่งทำให้คุณสามารถวางข้อความทางการตลาดเหล่านี้ไปให้ตรงแต่ละ Segment หรือแต่ละพฤติกรรมขึ้นมาให้ได้ ยิ่งคุณมี Data มากแค่ไหน คุณจะยิ่งสามารถสร้างความเฉพาะของ Ads ที่เจาะจงกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มเป้าหมายให้ดีขึ้นมาได้
2. เอาวิดีโอนั้นมาสร้าง Representative ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายเพิ่มมากขึ้น : การทำ Video หรือโฆษณานั้นใครก็ทำขึ้นมาได้ เป็นเรื่องธรรมดาอย่างมาก แต่การทำโฆษณาที่มีคุณภาพสูง พร้อมมีความเกี่ยวข้องหรือตรงกับชีวิตของกลุ่มเป้าหมายนั้นไม่ใช่เรื่องที่ใครจะทำก็ได้ ดังนั้นในโลกที่มีความหลากหลายทางความเชื่อ วัฒนธรรม ประเพณีต่าง ๆ การเข้าใจความแตกต่างในชีวิตและการใช้ชีวิตเหล่านี้มีความสำคัญอย่างมากที่เอามาสร้างการตลาดและโฆษณาที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายอย่างมาก เพราะยิ่งสร้างได้ตรงหรือเหมือนกับกลุ่มเป้าหมายมากแค่ไหน กลุ่มเป้าหมายย่อมทำให้รู้สึกได้ว่า โฆษณานั้นทำมาเพื่อตัวเอง หรือเข้าใจในปัญหาและชีวิตตัวเองอย่างมาก
httpv://www.youtube.com/watch?v=c33dTK7nUqo
ด้วยการใช้ Data นี้นักการตลาดสามารถเอา Data มาทำ Demographics Data ในรูปแบบต่าง ๆ ว่าจะสร้างโฆษณาแบบไหนที่จะตรงกับชีวิตจริงของกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุดออกมา ซึ่งทำให้เป็นภาพสะท้อนชีวิตของผู้บริโภคไปอยู่บนโฆษณานั้นเอง ทั้งนี้หลากหลายแบรนด์ในต่างประเทศมีความเข้าใจในการเข้าถึงวัฒนธรรมเหล่านี้เป็นอย่างดี จนสามารถสร้างโฆษณาที่เข้าใจความแตกต่าง หรือความต้องการในเชิงจิตวิทยาออกมาได้
3. เอา Data มาวางแผนการใช้ Channel และทำนายเทรนด์ให้ตรงมากขึ้น : ด้วยการที่ที่เมื่อทำวิดีโอออกมาแล้ว การกระจายหรือเผยแพร่วิดีโอนั้นมีความจำเป็นอย่างมาก การวางวิดีโอและเผยแพร่ให้ถูกที่นั้นจะทำให้วิดีโอสามารีถสร้างประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่ ด้วยการนี้การมี Data นั้นจึงมีความสำคัญขึ้นมา ในการวางแผนว่าช่องทางใดที่จะเอาวิดีโอไปเผยแพร่แล้วได้ผลที่สุดจากเก็บข้อมูลมาว่า ผู้บริโภคในช่องทางเป้าหมายนั้นจะตอบสนองต่อวิดีโอเหล่านี้ได้ดี
httpv://www.youtube.com/watch?v=wvPBAYQzH0
ทั้งนี้ด้วยการมี Data นี้ก็สามารถเอามาใช้ในอีกทางเช่นกัน ด้วยการเอามาทำนายว่า เทรนด์ที่เกิดขึ้นต่อไปจะเป็นอะไร แล้วสามารถเอาข้อมูลที่ทำนายเทรนด์เหล่านี้มาสร้างการตลาดรอไว้ล่วงหน้า เพราะด้วยข้อมูลที่มีความหลากหลายอย่างมากในทุกวันนี้ นักการตลาดสามารถหารูปแบบของผู้บริโภค และทำนายความสนใจของผู้บริโภคต่อไปได้ ทำให้นักการตลาดสามารถเตรียมสร้างการตลาดที่มีความเฉพาะเจาะจงต่อกลุ่มเป้าหมายได้ในอนาคต