ในการทำการตลาดที่มีการแข่งขันสูงเช่นนี้ รวมถึงการที่ผู้บริโภคนั้นมีความสนใจที่สั้นลง และสามารถเลือกบริโภคสื่อต่าง ๆ ได้เอง ทำให้นักการตลาดในตอนนี้ต่างต้องคิดว่าวิธีใหม่ ๆ ในการที่จะดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคมาไว้ที่ตัวเองให้ได้มากที่สุด สิ่งหนึ่งก็คือการทำ Inbound Marketing ที่ทำให้ผู้บริโภคนั้นเข้าหาแบรนด์เองได้ด้วยตัวเอง และยังทำให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ต่างของแบรนด์กับผู้บริโภคได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย ซึ่งวิธีการทำ Inbound Marketing นั้นก็มีหลากหลายทางด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการทำ SEO, Lead Generation หรือ Content marketing เองก็ตาม
ทั้งนี้ด้วยวิธีต่าง ๆ กันใน Inbound Marketing นั้นก็ยังไม่พอที่จะสามารถแสดงประสิทธิภาพของการทำงานออกมาให้ดีได้ ประกอบกันทุก ๆ แบรนด์ก็ทำ Inbound Marketing เช่นกัน ทำให้การแข่งขันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างมากสำหรับคนที่ทำการตลาดในตอนนี้ ทั้งนี้มีสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้นักการตลาดนำหน้าคู่แข่งของตัวเองได้ขึ้นมาได้ นั้นคือความเข้าใจในกลุ่มเป้าหมายตัวเองว่าคิดอย่างไร หรือจะชักนำกลุ่มเป้าหมายให้ไปสู่เป้าหมายทางการตลาดของแบรนด์ได้อย่างไร ด้วยวิธีการทางจิตวิทยา ซึ่งสามารถนำมากระตุ้นผู้บริโภคของนักการตลาดให้เข้ามาสู่ Inbound Marketing ได้มากขึ้นไปอีกอย่างมากมาย ด้วย 3 ข้อนี้
1. Reciprocity (Give to Get Theory) : หลักการนี้คือหลักการความเกรงใจของมนุษย์นั้นเอง ด้วยการที่ถ้าคนหนึ่งใดนำให้อะไรบางอย่างก่อนกับคุณ คุณย่อมรู้สึกว่าอยากจะให้อะไรเพื่อตอบแทนการให้นั้น ซึ่งเรื่องนี้ได้ถูกศึกษาโดยนักสังคมจิตวิทยา Robert Cialdini ระบุว่า Reciprocity หรือการแลกเปลี่ยนนี้เป็นหนึ่งใน 6หลักการในการโน้มน้าวคน ซึ่งด้วยหลักการแลกเปลี่ยนนี้สามารถนำมาใช้ได้กับ Inbound Marketing อย่างดีคือ การที่คุณให้คุณค่าอะไรบางอย่างกับกลุ่มเป้าหมายก่อน ไม่ว่าจะเป็น Content หรือเครื่องมือการทำงาน กลุ่มเป้าหมายนั้นมีแนวโน้มที่จะตอบแทนคุณด้วยธุรกิจได้สูงกว่าปกติ เช่นการกลายมาเป็นลูกค้าคุณหรือแนะนำคนอื่นต่อ
httpv://www.youtube.com/watch?v=_4ZcStMsss8
ด้วยวิธีนี้นักการตลาดสามารถทำการให้สิ่งต่าง ๆ ที่รู้สึกมีคุณค่าทางจิตใจสูงหรือมีความสำคัญมาก ๆ ให้กับกลุ่มเป้าหมายก่อน ไม่ว่าจะเป็น Content หรือการให้คำแนะนำเหล่านี้ก็สามารถสร้างจุดเริ่มต้นของจิตวิทยานี้ได้ หรือการเอาไปใช้กับ Influencer ด้วยการทำสิ่งดี ๆ ให้ Influencer ก่อน เพื่อสามารถสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับ Influencer ขึ้นมาได้ ในการขอความช่วยเหลือต่างๆ หรือ Influencer นั้นไปแนะนำแล้วบอกต่อนั้นเอง
2. Grounded Cognition : นักจิตวิทยานั้นพบว่า 90% ของการตัดสินใจของมนุษย์เกิดขึ้นจากจิตใต้สำนึกที่ไม่ได้คิดโดยสมองและเป็นผลมาจากอารมณ์ในการที่เกิดการตัดสินใจต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้ถ้านักการตลาดสามารถเข้าใจอารมณ์ของกลุ่มเป้าหมายที่ทำการตัดสินใจต่าง ๆ ก็สามารถชักนำอารมณ์นั้นให้เข้ามาปฏิสัมพันธ์ต่างกับแบรนด์ได้โดยง่าย ซึ่งวิธีนี้จะใช้การเล่าเรื่องที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าตัวเองคือตัวละครหนึ่งในเรื่องนั้นหรือเคยได้สัมผัสเรื่องราวเหล่านี้มาไม่ว่าจะจากประสบการณ์ตรง หรือการได้อ่าน ได้ยิน หรือฟังนั้นเอง
ทั้งนี้นักการตลาดนั้นสามารถเอาเรื่องราวเหล่านี้มาสร้างเป็นงาน Content Marketing ต่าง ๆ ได้ โดยทำเป็นเรื่องราวที่สะท้อนกลุ่มเป้าหมายและทำให้เกิดความรู้สึกมีส่วนร่วมขึ้นมา หรือจะเป็นความจริงใจที่แบรนด์นั้นแชร์เรื่องราวของแบรนด์แบบจริงใจลงไปเพื่อทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าแบรนด์นั้นกำลังเข้าใจปัญหาที่ตัวเองมีนั้นเอง
3. Commitment & Consistency : หลักการทางจิตวิทยานี้ว่าด้วยเรื่องการที่คนนั้นถ้าให้คำมั่นสัญญาเล็ก ๆ น้อย ๆ อะไร แล้วได้ลงมือทำตาม หลังจากนั้นถ้าคุณให้คนนั้นให้คำมั่นสัญญาที่ใหญ่ขึ้น คนเหล่านั้นจะตอบตกลงได้อย่างง่ายได้ เพราะคุณได้เคยให้คำมั่นสัญญาไปแล้วนั้นเอง และการที่ไม่กล้าปฏิเสธเพราะกลัวจะทำให้ภาพลักษณ์ของตัวเองนั้นไม่ดีด้วย ดังนั้นนักการตลาดสามารถนำหลักการนี้มาใช้กับกลุ่มเป้าหมายของตัวเองได้ โดยการให้กลุ่มเป้าหมายนั้นมีส่วนร่วมเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างสม่ำเสมอ ก็สามารถชักจูงให้กลุ่มเป้าหมายเหล่านี้มาซื้อสินค้าและบริการในอนาคตได้เลย
httpv://www.youtube.com/watch?v=o005mOoGaxw
ดังนั้นแทนที่จะทำการขายแบบ Hardsell ไปตั้งแต่แรก ลองเปลี่ยนวิธีใหม่โดยการให้กลุ่มเแป้าหมายนั้นลองให้คำมั่นสัญญาทำอะไรกับแบรนด์เล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นการให้ข้อมูลแลกเปลี่ยน และทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ใน Sales Funnel จนสามารถรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายดังกล่าวนั้นกลายเป็น Hot Lead ที่สามารถเปลี่ยนไปซื้อสินค้าได้เลย
ทั้งนี้ด้วยหลักการทางจิตวิทยาที่นำเข้าไปใช้เล็ก ๆ น้อย ๆ กับการทำ Inbound Marketing จะช่วยทำให้กลุ่มเป้าหมายนั้นอยู่กับแบรนด์ได้นานขึ้น หรือกลายเป็นลูกค้าได้ง่ายขึ้นนั้นเอง แถมยังสามารถช่วยให้แบรนด์ได้ลูกค้าดี ๆ ขยายผลการทำการตลาดออกไปได้มากขึ้น