ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแต่ปัจจุบันนี้งาน 9-5 ในออฟฟิศกำลังค่อยๆ เสื่อมความนิยมลงไปอย่างช้าๆ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ การวิจัยใหม่จากรัฐบาลอเมริกันพบว่าภายในปี 2020 ปริมาณแรงงานกว่า 40% ของสหรัฐจะเป็นแบบคู่สัญญา ชั่วคราว หรือนายตัวเองกันมากขึ้น
เหตุผลที่เกิดเทรนด์นี้เพราะหลายบริษัทต่างๆ ก็พยายามปรับตัวให้ยืดหยุ่นและลดค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายให้แก่พนักงานประจำ สำหรับพนักงานแล้วการเป็นฟรีแลนซ์นั้นเป็นเรื่องที่ทั้งน่ารักและน่าชัง อย่างไรซะหากคุณสามารถควบคุมงานและไม่ต้องกังวลกับเวลาที่เหลือก็อาจสามารถหาสตางค์ได้มากกว่าการเป็นพนักงานประจำเสียอีก อิสระอันหอมหวานและการใช้ทุกนาทีให้มีประโยชน์กำลังรอคุณอยู่ แต่ถ้าเป็นนายจ้างล่ะ? มีข้อดีข้อเสียอย่างไรในการจ้างพนักงานประจำและพนักงานคู่สัญญา
ต่อไปนี้เป็นปัจจัย 3 ข้อที่คุณควรพิจารณาก่อนจะจ้างพนักงานสักคน แบบไหนที่เหมาะสมกับคุณ? ลองดูกันเลยครับ
1.ค่าใช้จ่าย
แน่นอนว่าการจ้างพนักงานประจำให้ความมั่นคงและความรับผิดชอบต่องานที่สูงกว่า นอกจากนั้นพนักงานประจำจะเข้าใจวัฒนธรรมองค์กรและรู้สิ่งที่คุณต้องการได้ง่ายกว่าฟรีแลนซ์ อย่างไรก็ตาม พนักงานประจำมีทั้งรายได้ ประกันสังคม เวลาพักร้อน ภาษี คอมพิวเตอร์ และอื่นๆ อีกมากมายที่ต้องจ่ายเงินไป การจ้างพนักงานเป็นคู่สัญญาช่วยประหยัดเงินและยังสามารถต่อรองเงินเดือนได้มากกว่าด้วย อย่างไรก็ตาม คุณไม่สามารถควบคุมพนักงานคู่สัญญาได้ทั้งหมดและยังไม่สามารถบังคับให้พวกเขาทำตามวัฒนธรรมองค์กรหรือผลิตงานที่คุณต้องการได้ 100%
2.ผลกำไรที่ได้
พนักงานคู่สัญญาส่วนใหญ่จะทำงานกันไม่นานแล้วก็จบกัน จุดที่ดีคือการนำคนที่เหมาะกับงานอย่างหนึ่งเข้ามารับมือกับมันแล้วก็หาคนใหม่ที่เหมาะกับงานใหม่มาทดแทนเรื่อยๆ หากคนไหนไม่เวิร์คก็แค่ให้เขาออกไปแล้วจ้างคนใหม่มา อย่างไรก็ตาม หลายบริษัทชอบคิดว่ากำไรที่มากเกินไปน่าจะมีอะไรผิดปกติ พวกเขาคิดว่าต้องจ่ายค่าฝึกฝน ค่ากระดาษ ค่าเขียนรายงานเยอะๆ จะได้การันตีว่าผลงานออกมาดีซึ่งอันที่จริงไม่จำเป็นเลย โฟกัสที่สิ่งที่คุณต้องการที่สุดคือกำไรซะแล้ววัดผลว่าพนักงานทำได้จริงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ข้อเสียคือคุณจะไม่สามารถสร้างความจงรักภักดีกับพนักงานไม่เต็มเวลาได้ พวกเขาก็เหมือนคุณที่ต้องนึกถึงผลประโยชน์ของตัวเองมาก่อน
3.การเป็นอันหนึ่งอันเดียว
แน่นอนว่าพนักงานคู่สัญญาจะไม่เข้าใจภารกิจของบริษัทคุณมากเท่ากับพนักงานประจำอยู่แล้ว พวกเขาอาจไม่สนใจคุณด้วยซ้ำ ในกรณีพนักงานประจำหากคุณดูแลเขาดีเขาอาจจะก้าวหน้าไปได้มากกว่าคุณและกลายเป็นผู้ช่วยที่ดีหรือกลายเป็นพาร์ทเนอร์กันในอนาคตแต่สำหรับพนักงานคู่สัญญานั้นคุณไม่อาจแน่ใจได้ว่าเขามีพื้นฐานเป็นอย่างไร นอกจากนั้นพวกพนักงานพาร์ทไทม์ส่วนใหญ่จะมีวิถีปฏิบัติของตัวเอง พวกเขามักไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตามคุณเท่าไหร่หรอก ดังนั้นอย่าไปคาดหวังว่าพวกเขาจะมาเอาตามคุณ
อย่างไรก็ตาม หลักเกณฑ์ทั้งหมดนี้ไม่ได้ช่วยให้คุณเลือกรูปแบบการจ้างลูกจ้างได้อย่างแม่นยำที่สุดหรอก ที่สุดแล้วมันเป็นเรื่องส่วนบุคคลมากว่าคุณจะไว้ใจคนใดคนหนึ่ง หรือบางครั้งมันอยู่ที่สัญชาตญาณและกึ๋นของคุณเลยด้วยซ้ำ ขอให้โชคดีครับ