ในสังคมยุคนี้การเข้าใจในเรื่องความแตกต่างทางเพศ ความเท่าเทียมกันทางเพศ และพลังแห่งเรื่องเพศนั้นมีความสำคัญอย่างมาก เพราะความเข้าใจในเรื่องเพศ และตัดอคติเก่า ๆ ในเรื่องเพศนั้นทำให้การทำการตลาดในยุคนี้สามารถสร้างพลังอย่างมากมาย และสามารถสร้างความรู้สึกบวกของแบรนด์หรือการตลาดให้เพิ่มมากขึ้นได้อีกด้วย
จากในปี 2016 เป็นต้นมา เราเห็นหลาย ๆ แบรนด์นั้นปลุกกระแสในเรื่องเพศโดยเฉพาะผู้หญิงมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเรียกร้องให้สังคมนั้นหันมามองผู้หญิงในฐานะเท่าเทียมกันในความสามารถ ในการทำงาน และมีทัศนคติที่ต้องเลิกดูถูกผู้หญิงว่าอ่อนแอ ซึ่งในปีที่ผ่านมาเราจะเห็นโฆษณามากมายจากทั้ง P&G, Dove หรือ Under Armour ที่มีแคมแปญมากมายตามออกมาในการสนับสนุนบทบาทของผู้หญิง และมีมุมมองต่อผู้หญิงใหม่ขึ้นมา นอกจากบทบามของผู้หญิงเองแล้วที่เกิดการผลักดันสนับสนุนอย่างมากมาย ก็มีการผลักดันในเรื่องเพศ LGBT ที่มองว่าในยุคนี้แล้วไม่ควรมีการกีดกันทางเพศ และควรให้อิสระและเสรีภาพในเรื่องเพศหรือการแสดงออกในความชอบของเพศต่าง ๆ ซึ่งหลาย ๆ แบรนด์ในต่างประเทศเองก็เข้าใจจุดนี้จึงมีแคมเปญการตลาดที่ออกมาสนับสนุนเรื่อง LGBT อย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็น GayTM หรืออื่น ๆ อีกมากมาย การสนับสนุนกลุ่ม LGBT นั้นเป็นการสร้างภาพลักษณ์สมัยใหม่ให้กับแบรนด์และการตลาดของตัวเอง ที่ไม่ยึดติดเรื่องเพศสภาพในตอนเกิด
httpv://www.youtube.com/watch?v=XjJQBjWYDTs
ใน Cannes Lions ปี 2016 เองนั้นได้มีการเปิดเผยรายงานเรื่อง “The Dove Global Beauty and Confidence Report” จากผู้บริหารของ Unilever และแบรนด์ Dove ที่ได้ทำการสำรวจผู้หญิงทั่วโลกและมีผลที่ระบุว่าผู้หญิง 71% และเด็กผู้หญิง 67% นั้นเรียกร้องให้สื่อหรือคนทำโฆษณานั้นสร้างสรรค์โฆษณาที่สะท้อนภาพลักษณ์ผู้หญิงให้ดีกว่านี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาพลักษณ์ภายนอก อายุ เชื้อชาติ หุ่นและทรวดทรง ซึ่งทำให้เราจะเห็นโฆษณาจากในปี 2016 เป็นต้นมาจนถึงปีนี้จะเป็นเรื่องผู้หญิงหรือความเท่าเทียมกันทางเพศอย่างมาก ยิ่งในปี 2017 นี้ที่สหรัฐอเมริกาเองก็ตามที่ได้ประธานาธิบดี Donald Trump ขึ้นมาครองตำแหน่ง และมีผู้สนับสนุนมากมายที่ต่อต้านเรื่องความเท่าเทียมกันทางเพศ และเรื่องเพศ LGBT ทำให้หลาย ๆ แบรนด์นั้นทำโฆษณาและแคมเปญมากมายเพื่อสนับสนุนเรื่องนี้อีกทางหนึ่งและยืนยันว่าการเข้าใจเรื่องเพศนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
ความเข้าใจเรื่องเพศในประเทศไทยนั้นยังมีอยู่น้อยมาก และยังไม่เข้าใจในความแตกต่างของเรื่องเพศที่เกิดขึ้นมา เราจะเห็นตัวอย่างได้อย่างมากมายจากการทำโฆษณาที่เห็นผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศ หรือการล้อเพศ LGBT ต่าง ๆ ในการสื่อสารทางการตลาด ซึ่งถ้ามองอีกมุมในการทำการสื่อสารทางการตลาดเช่นนี้ในปัจจุบันก็เป็นเรื่อง เหยียดหยามทางเพศในอีกทางหนึ่งเช่นกัน ในต่างประเทศเองนั้นกำลังมีความตื่นตัวอย่างมากในเรื่องความเท่าเทียมกันทางเพศ และมองว่าพลังในเรื่องความเท่าเทียมกันทางเพศนั้นมีบทบาทสำคัญในอนาคต ซึ่งแบรนด์ต่าง ๆ ไม่ควรมองข้ามอย่างมากในการที่จะสนับสนุนพลังเหล่านี้ให้เกิดขึ้นมา ประเทศไทยนั้นเราจะเห็นโฆษณามากมายที่ขัดกับหลักการที่ต่างประเทศให้การสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นการเอาผู้หญิงมาเป็นวัตถุกระตุ้นทางเพศ การดูถูกเรื่องสีผิว เชื้อชาติ ความอ้วนและทรวดทรงต่าง ๆ มากมาย นอกจากนี้ยังมีการแสดงออกให้ผู้หญิงเป็นเพศที่ต่ำกว่าผู้ชายไม่ว่าจะเป็นในหน้าที่การงาน หรือในที่บ้านที่ต้องแสดงออกที่ดีต่อสามีหรือเชื่อฟังสามี นี้ยังไม่รวมการทำการตลาดหรือโฆษณาที่เอาเพศ LGBT ต่าง ๆ มาล้อเลียน หรือทำการเกลียดกลัว หรือสร้างประเด็นดราม่าเพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดเหล่านี้อีก
กลุ่มผู้หญิงนั้นเป็นเพศที่มีพลังในการใช้จ่ายอย่างมาก เมื่อรวมกับกลุ่ม LGBT นั้นซึ่งเป็นกลุ่มที่มีพลังในการใช้จ่ายอย่างมากเช่นกัน นักการตลาดที่เข้าใจจุดนี้สามารถสร้างแคมเปญหรือการสื่อสารทางการตลาดที่มีพลังในการสนับสนุนพลังของผู้หญิงขึ้นมา หรือสนับสนุนให้ผู้หญิงนั้นมีบทบาทในสังคมเพิ่มขึ้น และส่งเสริมความเข้าใจและพลังของ LGBT เมื่อสามารถสร้างแบรนด์เข้าไปอยู่ในใจของคนกลุ่มเหล่านี้ได้ การจบการขายหรือเปลี่ยนให้คนกลุ่มนี้มาเป็นลูกค้านั้นจะไม่ยากแล้ว นอกจากที่จะทำการส่งเสริมภาพลักษณ์และสนับสนุนผู้หญิงและ LGBT แล้ว การสร้างแคมเปญหรือการสื่อสารทางการตลาดแบบไร้เพศ หรือ Neutral เพื่อสื่อให้ได้กับทุกเพศที่สามารถกลายมาเป็นลูกค้าได้ ซึ่งนี้เกิดจากความเข้าใจในเรื่อง Insight ของในยุคนี้ที่ Demographic ไม่มีผลต่อสินค้าแล้ว เพราะไม่ว่าหญิงหรือชายหรือเพศอื่น ๆ ก็มีสิทธิซื้อสินค้าและเป็นลูกค้าตัวเองได้ ถ้ามีความชอบและสินค้านั้นแก้ปัญหาในชีวิตตัวเองได้
ทั้งนี้นักการตลาดต้องเริ่มเข้าใจในสังคมยุคใหม่ที่มีการเปิดกว้างมากกว่าในอดีต และมีแรงขับเคลื่อนในพลังจากเรื่องใหม่ๆ มากมายที่เกิดขึ้นมา ซึ่งนักการตลาดสามารถตักตวงกระแสเหล่านี้ในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อแบรนด์ และส่งเสริมสังคมในทางบวกมากขึ้นอีกด้วย
Related posts:
เมื่อคนรุ่นใหม่ ไม่สนใจแบรนด์
Echo Chamber เมื่อออนไลน์ทำให้เราอยู่แต่ในกะลา
จิตวิทยาผู้บริโภค เมื่อการที่มีตัวเลือกเยอะไม่ได้หมายความว่าจะดี
insight กับนักการตลาด ความสำคัญที่มองข้ามไปไม่ได้
ทำ consumer insight แบบไหนดี ทำแบบ Offline หรือ Online เจ๋งกว่ากัน
insight ข้อมูลที่ทำให้ชิ้นงานนั้นกลายเป็นจุดตั้งต้นของ Big Idea ได้
