e-Commerce นั้นเป็นการทำการตลาดผ่านช่องทาง Digital ช่องทางหนึ่ง ซึ่งนักการตลาดหลาย ๆ คนในยุคนี้ชอบแนะนำให้ผู้ประกอบการหลาย ๆ คนนั้นเริ่มทำ e-Commerce หรือการได้เห็นอาณาจักร e-Commerce ใหญ่ ๆ ก็เลยคิดไปว่าการทำนั้นไม่น่าจะยากอย่างที่คิด และอยากจะทำบ้าง แต่ในความเป็นจริงแล้วอนาคตมันสวยหรูอย่างที่นักการตลาดหรือตัวเองคิดไว้ไหม
การทำ e-Commerce นั้นมี 2 -3 รูปแบบด้วยกัน แบบแรกนั้นคือการมีสินค้าของตัวเองอยู่แล้ว และนำขึ้นไปขายบน Platform ต่าง ๆ หรือการเปิดหน้าร้านบน Digital ของตัวเอง อีกแบบนั้นคือการสร้าง Platform ของตัวเองขึ้นมา และตัวเองเป็นเสมือนการหาสินค้ามาลงขายในนั้น และสุดท้ายแบบที่เป้นการสร้าง Platform e-Commerce ให้คนนั้นสามารถมาค้าขายกันได้ในนี้ ซึ่งใน 3 รูปแบบนี้อาจจะเกิดการผสมผสานรูปแบบออกมาได้ต่าง ๆ กัน เช่นมีทั้งการทำ Marketplace ให้คนมาขายของกับขายสินค้าของตัวเองบนนั้นด้วยก็ได้ ทีนี้แต่ละแบบนั้นก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป ซึ่งการที่คนจะทำ e-Commerce นั้นจะลงมือทำต้องรู้ว่าแบบไหนจะเหมาะกับตัวเองเช่นกัน
แบบที่เอาสินค้าตัวเองมาขายบน Platform หรือเปิด Platform ตัวเองขายนั้นเป็นทางเลือกแรก ของผู้ประกอบการที่มีสินค้าอยู่แล้วและอยากจะกระจายสินค้าหรือหาโอกาสขายสินค้านั้นเพิ่มขึ้นจากที่ขายอยู่แล้ว ซึ่งข้อดีแบบนี้แน่นอนคือการที่สามารถเปิดตลาดจากที่ขายอยู่ในอาณาบริเวณตัวเอง หรือตลาดที่จำกัดนั้น มาเป็นตลาดที่ไม่มีขอบเขต และจะขายใครที่ไหนและเมื่อไหร่ก็ได้ ข้อเสียของการทำกิจการแบบนี้คือการต้องคิดเรื่องการทำ Packaging หรือการ Logistics สินค้าขึ้นมาทันที เพราะเมื่อตลาดใหญ่ขึ้น ถ้าสินค้าดี ทำการตลาดดี และราคาดี ตอบโจทย์คน การมีออเดอร์สั่งซื้อเข้ามานั้นจะมีจำนวนมหาศาล ซึ่งคนทำ e-Commerce แบบนี้ต้องพร้อมมีกำลังและบริหารจัดการออเดอร์ตรงนี้ได้ หลาย ๆ e-Commerce ไม่สามารถจัดการตรงนี้และทำให้เกิดความเห็นติดลบมากมายต่อธุรกิจ จนมีผลต่อยอดขายในที่สุด ทั้งนี้ก็มีคนทำ e-Commerce Solution หรือ e-Commerce Fulfillment ตรงนี้เข้ามา ไม่ว่าจะเป็น Warehouse หรือ Shipping
แบบที่ให้คนนั้นมาขายของ หรือทำ Platform ให้คนมาขายของตรงเป็น Marketplace แบบนี้เป็นผู้พัฒนาระบบที่ไม่มีสินค้าของตัวเอง แต่ต้องการจับความต้องการของผู้ประกอบการที่อยากจะเปิดตลาดใน Digital แต่ไม่อยากทำ Platform เองหรือไม่อยากสร้างเว็บไซต์เอง ทำให้บริการแบบนี้ตอบโจทย์ได้อย่างดีกลับคนกลุ่มนี้ แต่เมื่อทำ Platform มากระบวนการหารายได้ทาง e-Commerce นั้นก็มีหลาย ๆ แบบ
นั้นคือแบบการขาย Platform ทำเว็บเลย จ่ายเป็นค่าสมาชิกการใช้งานต่าง ๆ ไป ซึ่งแบบนี้ระบบนั้นต้องมั่นใจว่าจะสามารถสร้างความมั่นใจในการใช้งานต่าง ๆ จากสมาชิก และต้องหาทางโตจากสมาชิกไปให้ได้ตลอดเวลา อีกแบบคือการขอกินหัวคิว Transaction โดยจะกินค่าธรรมเนียมการจ่ายเงินต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมา ทั้งนี้แบบนี้ก็มีข้อเสียว่า สินค้าที่มาลงนั้นต้องมียอดผู้ใช้เกิดขึ้นมาที่จะสั่งซื้อสินค้าจำนวนต่าง ๆ กัน ทำให้เกิดยอดขายได้ และทำให้ระบบแบบนี้ต้องลงทุนในการตลาดอย่างมาก เพื่อที่จะโฆษณาให้คนมาซื้อหรือคนมาใช้ สุดท้ายคือระบบที่หวังรายได้จาก การขายตำแหน่งต่าง ๆ ในเว็บเพื่อที่จะให้คนมาลงสินค้านั้นจ่ายในตำแหน่งพรีเมี่ยมขึ้น แบบนี้คนทำระบบก็ต้องแน่ใจว่าจะมีคนซื้อตำแหน่งพรี่เมี่ยมนี้และคนที่ลงตำแหน่งนี้จะขายของได้คุ้มกับการที่จ่ายเงินไปด้วย
สุดท้ายแบบที่ทำ e-Commerce หาสินค้ามาลงเอง ในรูปแบบนี้เป็นรูปแบบที่จะลงทุนมากสุดและเหนื่อยที่สุด เพราะจะเป็นในรูปแบบแรก ที่สร้างของตัวเองขึ้นมา แต่ต้องหาสินค้าในรูปแบบที่ 2 มาขายต่อเอง หรือกลายเป็นคนกลางในการขายสินค้านั้น ๆ ซึ่งรูปแบบนี้รายได้ที่จะได้มานั้นจะเกิดขึ้นจาก Transaction ที่เกิดขึ้นมาของสินค้าแต่ละชิ้น และอาจจะคิดถึงค่าส่งที่จะได้ด้วย ซึ่งรูปแบบนี้คนที่ทำนั้นมีข้อดีคือควบคุมทุกอย่างได้เอง และควบคุมคุณภาพสินค้าที่ขายได้เองและมีรายได้จาก Transaction ที่แน่นอน ทำโปรโมชั่นเองได้ด้วย แต่ข้อเสียคือการที่จะทำให้เกิด Transaction นั้นได้นั้นมีความลำบากอย่างมาก เพราะต้องสร้าง Promotion มากมายที่จะลงทุนให้คนนั้นซื้อครั้งแรก นอกจากนี้ยังต้องคิดถึงเรื่องการจัดการสินค้าที่จะต้องส่งไปว่าจะเก็บอย่างไร รวมทั้งการส่งของว่าจะส่งอย่างไรเกิดขึ้นด้วย
ทั้งนี้ทั้ง 3 แบบนั้นมีข้อดีข้อเสียต่างกัน และไม่ใช่เรื่องง่าย ตัวอย่างจาก Amazon ที่เป็นทั้งแบบ 2-3 นั้นเป็นตัวอย่างได้อย่างดี เพราะรายได้ที่เข้ามาของ Amazon จนถึงทุกวันนี้นั้นแม้จะมีรายได้สูงมากมาย แต่ Net Income นั้นกลับไม่เพิ่ม นั้นเพราะทุก ๆ รายได้ที่กลับมานั้นต้องเอาไปสร้างสิ่งที่จะดึงลูกค้าใหม่ และทำให้ลูกค้าเก่าเกิด Transaction ขึ้นมาด้วย นอกจากนี้ยังต้องไปลงทุนเรื่องเทคโนโลยีต่าง ๆ หรือเรื่องคนเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้ด้วย
การทำ e-Commerce ของจริง ๆ ที่ลงทุนทำ Platform เอาของมาขายเองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และบางทีเป็นเกมของสายป่านในการทุ่มเงินซื้อเพื่อครองตลาดว่าใครจะทำได้ดีกว่าใคร ผู้ที่อยากจะทำควรศึกษาให้ดีก่อนลงมือ เพื่อที่จะไม่ได้เอาเงินนั้นไปละลายเล่น
Copyright © MarketingOops.com