ตอนนี้ในหลาย ๆ ร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 นั้นเราจะเห็นการโปรดมทที่ให้คนที่มาจับจ่ายใช้สอยในร้านที่สามารถใช้บัตรเครดิตได้ และมากไปกว่านั้นก็คือสามารถใช้ Alipay กระบวนการจ่ายเงินผ่านมือถือได้ทันทีเพื่ออำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวของประเทศจีนที่เข้ามา ในร้านค้าในประเทศไทยเองหลาย ๆ ร้านก็เริ่มมีการใช้ WeChat Pay เช่นร้านกาแฟ Mezzo และนอกจากนี้ Samsung ก็ยังผลักดัน Samsung Pay เข้ามาใช้กับร้านค้าต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน สังคมไทยจะเริ่มเข้าสู่สังคมที่เรียกว่า Cashless society ในเบื้องต้นแล้ว
ในต่างประเทศเองนั้น Cashless society กำลังจะมาแทนการใช้เงินสดส่วนหนึ่ง เนื่องจากความสะดวกที่ไม่ต้องทำให้พกเงินสด และทำให้เกิดการใช้จ่ายได้ทันทีได้อย่างง่ายได้ ทำให้มีการเร่งผลักดันจากภาครัฐในประเทศต่าง ๆ ให้เกิดการใช้ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิคส์แทน ทั้งนี้เมื่อการใช้จ่ายผ่านออนไลน์นั้นง่ายทำให้การเกิดต้นทุนที่เรียกว่า Physical นั้นหมดไป ทำให้ผู้ให้บริการหรือแบรนด์ต่าง ๆ นั้นสะดวกขึ้นด้วย จาก Cashless society นี้เราจะเห็นได้จาก Amazon ที่ได้ต่อยอดจากการใช้ Cashless นี้มาสร้างร้านค้าที่คนนั้นสามารถเข้าไปหยิบสินค้าแล้วสามารถออกจากร้านโดยที่ไม่ต้องรอจ่ายเงินได้เลย ซึ่งนับว่าเป็นความสะดวกของผู้ซื้ออย่างมากที่ไม่ต้องไปรอต่อแถว และสามารถจ่ายเงินได้อย่างรวดเร็วได้ทันที
httpv://www.youtube.com/watch?v=NrmMk1Myrxc
ปัญหาที่เห็นได้ชัดอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นจาก Cashless Society ในปัจจุบันคือความกังวลต่อเรื่องความปลอดภัยของการใช้ Cashless ผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ นี้เอง ซึ่งเป็นความกังวลเช่นเดียวกับการทำ e-Commerce ในช่วงแรกของประเทศไทยที่หลาย ๆ คนกลัวการทำธุรกรรมออนไลน์ที่กลัวการที่จะถูก Hack หรือขโมยข้อมูลบัตรเครดิตต่าง ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็สามารถสร้างความเชื่อใจในผู้บริโภคและมีการซื้อขายมากมายบนออนไลน์ในปัจจุบันนี้ ในส่วนของ Cashless นั้นสิ่งที่คนกังวลในเรื่องความปลอดภัยนั้นมาจากกระบวนการที่ไม่ได้รับการปกป้องจากการขโมยข้อมูลหรือสัญญาณต่าง ๆ โดยเฉพาะการใช้มือถือในการจ่ายเงินต่าง ๆ ณ จุดจ่ายเงินนั้น ผู้ไม่ประสงค์ดีนั้นสามารถทำการดักข้อมูลเอามาเพื่อทำการโจรกรรมข้อมูลออกมาได้ ซึ่งวิะีการจ่ายเงินผ่านมือถือแบบนี้ ณ จุดจ่ายยังคงเป็นวิธีที่ปลอดภัยน้อยกว่าการใช้ biometric ต่าง ๆ เช่นม่านตา หรือลายนิ้วมือ ซึ่งตอนนี้ก็ยังมีกระบวนการศึกษากระบวนการจ่ายเงินที่ปลอดภัยที่สุดต่อไปที่จะมาแทนในวิธีปัจจุบัน
นอกจากปัญหาความปลอดภัยที่เกิดขึ้นจาก Cashless นั้น ยังมีปัญหาสำคัญคือความง่ายในการใช้งาน เนื่องจากเป็นวิธีการที่ใหม่มาก ๆ ในปัจจุบันทำให้กระบวนการใช้งานนั้นต้องมีการเรียนรู้ใหม่ ๆ หลายอย่างแทนการใช้เงินสดหรือเครดิตการ์ดแบบเดิม ในฝั่งผู้บริโภคนั้นอาจจะยังไม่ยากในการเรียนรุ้เท่าไหร่ แต่ในฝั่งผู้ประกอบการเองนั้นกลับกลายเป็นเรื่องยากอย่างมากที่จะให้พนักงานเรียนรู้วิธีการจัดการการจ่ายเงินแบบ Cashless นี้และสิ่งที่เกิดขึ้นคือกระบวนการที่ควรจะง่ายแะลอำนวยความสะดวกผู้บริโภคกลับกลายเป็นกระบวนการที่ช้า และทำให้ผู้บริโภคนั้นรู้สึกไม่ดีในการใช้แล้วไม่อยากใช้งานในที่สุด
จากการที่ Cashless Society นั้นยังไงก็เป็นหนทางที่สังคมจะต้องเดินไปในอนาคตอยู่แล้ว ซึ่งในต่างประเทศเองนั้นก็มีการเตรียมตัวแล้วว่าในอีก 5-15 ปีข้างหน้านั้นจะทำให้การใช้เงินสดนั้นหมดไป ซึ่งด้วยการผลักดันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาและถนัดกับการใช้ Cashless ภาครัฐที่ส่งเสริม และ Tech Company ที่เข้ามายึดเรื่องการจ่ายเงินผ่านออนไลน์ต่าง ๆ ทำให้นักการตลาดที่ต้องการจะขายสินค้าอุปโภคและบริโภคนั้นต้องเตรียมตัวในการที่จะทำเรื่อง Cashless Society เอาไว้ โดยเฉพาะการสนใจในเรื่อง Customer Experience ที่จะทำให้ผู้บริโภครู้สึกสะดวกมากขึ้นในการจ่ายเงินมากกว่าวิธีการจ่ายเงินในปัจจุบัน ทำให้ปัญหาที่เจอในการจ่ายแบบ Cashless ให้หมดไป และต้องมีกระบวนการที่ต้องระวังการโจรกรรมข้อมูลต่าง ๆ ณ จุดที่จ่ายเงินที่จ่ายผ่านด้วย Cashless อีกด้วยเพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคที่ใช้ จากการเตรียมตัวที่จะรับมือการมาถึงของ Cashless ในเรื่องการสร้างประสบการณ์ของผู้บริโภคและการดูแลเรื่องความปลอดภัยในการใช้งาน แบรนด์ต้องเริ่มคิดถึงกระบวนการเก็บข้อมูลต่าง ๆ ของลูกค้าที่ใช้จ่ายผ่าน Cashless ว่าจะมีการเก็บข้อมูลอย่างไร แล้วจะนำข้อมูลพวกนี้มาต่อยอดทางการตลาดต่อไปได้อย่างไรในยุคที่ข้อมูลต่าง ๆ และอุปกรณ์ต่าง ๆ นั้นเชื่อมกันหมดได้ แบรนด์ต้องเริ่มคิดถึงกระบวนการบริหารจัดการความพึงพอใจและบริการต่าง ๆ ให้ลูกค้าเพิ่มขึ้นผ่าน Cashless System เหล่านี้อีกด้วย ตัวอย่างที่ดีคือบัตร Starbucks ที่อยู่ใน app ที่กลายเป็น Cashless แบบหนึ่งที่ปัจจุบันทุกคนนั้นคุ้นชินในการใช้งานและใช้จ่ายผ่านระบบแอพ Starbucks ที่ร้านได้อย่างง่ายดายทันทีเวลาซื้อเครื่องดื่มต่าง ๆ
ทั้งนี้ Cashless Society นั้นมาแน่นอน และจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอีกด้วย แบรนด์ต้องเริ่มคิดที่จะเตรียมตัวแล้วว่าจะรับมือหรือเตรียมกับยุคที่คนนิยมจ่ายเงินสดน้อยลงอย่างไร และจะทำให้ผู้บริโภคที่จ่ายเงินด้วยวิธีนี้มีประสบการณ์ที่ดีอย่างไรเพิ่มขึ้น แถมเอาข้อมูลที่ได้จ่ายลูกค้าเหล่านี้มาสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างไรให้กับองค์กรต่อไป ก็ต้องเป็นเรื่องที่นักการตลาดนั้นต้องเริ่มวางแผนกันแล้ว