พักเบรกโฆษณาแกรมมี่ฯ ห้างค้าปลีกทุ่ม 8 ล้านเหรียญ ยิงสด Imagine Dragons ได้รับคำชมท่วมท้น

จบไปแล้วกับค่ำคืนสุดอัศจรรย์ของการประกาสผลรางวัล Grammy Awards2015 ซึ่งหลายคนคงจะทราบไปแล้วใครได้รางวัลอะไรบ้าง แต่ที่จะมาเล่าวันนี้ไม่ได้มาพูดถึงศิลปินคนไหนคว้ารางวัลอะไรไปบ้าง แต่จะมาพูด ad โฆษณาในช่วงเบรกของงานGrammys ซึ่งน่าสนใจมาก และได้รับคำชมอย่างถล่มทลาย

อย่างที่เราคุ้นเคยกัน เราจะเห็น spot งานโฆษณาทยอยเข้ามาในทุกเบรกอย่างน้อย 5 ครั้งระหว่างการประกาศรางวัล แต่ถือเป็นการพลิกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของงานเลยที่ห้างค้าปลีกรายใหญ่อย่าง Target ได้ตัดสินใจเหมาเบรกเป็นเวลา 4 นาที เพื่อปล่อยโฆษณาที่เจ๋งที่สุด ด้วยการให้วงร็อคแห่งยุค Imagine Dragons เล่นสด (ซึ่งวงนี้ขึ้นชื่อว่าเล่นสดได้มันส์ที่สุดจริงๆ) ในเพลง Shots ยิงสดตรงมาจากลาส เวกัส ในความละเอียดแบบ HD อีกต่างหาก ภายใต้แคมเปญโฆษณาของ Target ชื่อว่า “#MoreMusic”

ทั้งนี้ คาดการณ์กันว่า spot หนึ่งชิ้นความยาว 30 วินาที มีเรตราคาอยู่ที่ 1 ล้านเหรียญ แต่สำหรับ spot ชิ้นนี้ซึ่งมีความยาว 4 นาที เท่ากับว่าโฆษณาของ Target แบบยิงคอนเสิร์ตกันสดๆ ชิ้นนี้ มีมูลค่าสูงถึง 8 ล้านเหรียญเลยทีเดียว!! ว่ากันว่าทำลายทุกสถิติเบรกโฆษณาทุกชิ้นที่มีมาเลย

สำหรับผู้มารับหน้าที่กำกับงานนี้ได้มือดีอย่าง Jonas Akerlund ที่เคยร่วมงานกับศิลปินดังๆ มาแล้วมากมาย อาทิ Beyonce, Rihanna, U2 และอื่นๆ อีกมาก “มันเหมือนกับก้นใหญ่ๆ ของยานอวกาศที่ลงจอดมาบนใจกลางเวกัสเลย” Akerlund กล่าวถึงเวทีแบบ 360 องศาที่สร้างขึ้น แถมยังมีกล้องอีกกว่า 20 ตัวและภาพมุมสูงจากเฮลิคอปเตอร์อีก ซึ่งจะทำให้เราเห็นภาพสัญลักษณ์ ‘จุดสีแดง’ กลางเวทีซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าที่สำคัญของห้าง ยิ่งทำให้สร้างการจดจำแบรนด์ได้อย่างดีอีกด้วย

“ในตอนแรกของเพลงคุณจะไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน และในตอนท้ายก็จะเปิดเผยให้เห็น ใช่…เคที่ เพอร์รี่ มีดอกไม้ไฟ แต่เรามี rock ‘n’ roll มัน rock ‘n’ roll มากๆ จริงๆ ผมไม่เคยทำอะไรอย่างนี้มาก่อน สำหรับผมแล้วมันใหญ่โตมากๆ”

ด้าน front man ของวง Dan Reynolds กล่าวว่า “เราพยายามที่ผลักกำแพงออกจากสิ่งที่เราทำด้วยการใช้เทคโนโลยีชั้นนำเข้ามาช่วย”

ขณะที่ William White รองประธานกรรมการฝ่ายการตลาดของ Target กล่าวว่า “ขณะที่ไอเดียมันง่ายๆ แต่ในการทำให้มันเกิดขึ้นนั้นมันทั้งยิ่งใหญ่และเจ๋งสุดๆ” ทั้งนี้แคมเปญดังกล่าวได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมทั้งทางเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์

นำเป็นการตลาดที่ลึกซึ้งมาก เพราะบ่อยครั้งที่เราจะเบื่อไม่อยากให้มีการตัดเข้าโฆษณาเวลาที่กำลังชมรายการสำคัญ พลอยทำให้เรารู้สึกรังเกียจแบรนด์นั้นๆ ไปด้วย แต่เมื่อทำให้การเข้าโฆษณาเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากดูมากที่สุด แถมยังเข้ากับรายการที่โชว์อยู่ด้วย ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มความประทับใจในตัวแบรนด์ให้กับผู้ชมมากขึ้น ให้ความรู้สึกว่าแบรนด์ลงทุนตอบแทนลูกค้าจริงๆ โดยไม่ได้เน้นการ sale แต่อย่างใด ซึ่งหารู้ไม่ว่า นี่เป็นการ take and gain ที่มีมูลค่าสูงยิ่ง และอาจจะสร้างความประทับใจแบบยั่งยืนไปเลย.