แคมเปญการตลาดบ้านเรานับวันจะท้าทายมากขึ้นทุกวัน หลังจากหลายปีที่ผ่านมา ความครีเอทีฟของนักการตลาดบ้านเรา ต่างงัดกลยุทธ์สู้ศึกแคมเปญการตลาดบนสื่อดิจิทัลกันอย่างดุเดือด ทำเอาผู้บริโภคเคยชินกับความสร้างสรรค์ในแบบเดิมๆ เพราะนักการตลาดต่างเลือกเดินตามรอยครีเอทีฟเดียวกัน เป็นเหตุให้การทำการตลาดบนสื่อดิจิทัลเกิดความจำเจ และท้าทายมากยิ่งขึ้น แบรนด์ใดที่ยังคงนำเสนอแคมเปญในลักษณะเดิมๆจะไม่สามารถยึดเหนี่ยวความต้องการมีส่วนร่วมจากผู้บริโภคอีกต่อไป
แต่หากนักการตลาดรู้จักวางแผนด้วยกลยุทธ์ที่แยบยล นอกจากจะต้องเข้าใจความต้องการเชิงลึก (Insight) ที่ยังไม่มีใครตอบโจทย์ (Pain Point) ผู้บริโภค ยังต้องมีความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีเพื่อโฆษณา (Technology) และนำไปต่อยอดร่วมกับความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) โดยนำมากำหนดยุทธศาสตร์ให้กับแคมเปญการตลาด ก็จะสามารถปล่อยแคมเปญที่ทั้งสร้างสรรค์ ตอบโจทย์ความต้องการ และสร้างยอดขายในรูปแบบใหม่ให้กับผู้บริโภคได้
‘ของขวัญตรงใจ..ไม่ต้องบอกตรงๆ’ แคมเปญเคสจาก JD CENTRAL ที่รวมเอาอินไซต์ Pain Point เทคโนโลยี และครีเอทีวิตี้ ต่อยอดกลยุทธ์สู่ความสำเร็จของยอดขาย
เจดี เซ็นทรัล (JD CENTRAL) ผู้นำด้านเทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซและธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย ได้สร้างปรากฏการณ์แคมเปญโฆษณารูปแบบใหม่ ที่ยังคงยึดรากฐานการให้ความสำคัญกับอินไซต์ของผู้บริโภค โดยจับมือกับครีเอทีฟเอเยนซี่โฆษณา BBDO Bangkok ออกแคมเปญสยบปัญหาคลาสสิคของคู่รัก กับคำถามที่ว่า “จะดีกว่ามั้ย? ถ้าสามารถทำให้ผู้หญิง ได้รับของขวัญที่ตรงใจ แม้ไม่ได้บอกแฟนตรงๆ” กับแนวคิดโฆษณาที่ออกแบบความครีเอทีฟในแบบ Simplicity ที่ล้ำด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Chat Bot และการทำโฆษณาในรูปแบบ Targeted Ad ปล่อยเป็นแคมเปญ ‘Targeted Gift’ หรือ “ของขวัญตรงใจ..ไม่ต้องบอกตรงๆ” ที่เปิดตัวออกมาได้ครบ ทั้งกระแสของโฆษณา การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ยกระดับแบรนด์ และที่สำคัญ คือความสำเร็จของยอดขายในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ที่ผ่านมา
แคมเปญสร้างยอดขายให้กับ JD CENTRAL อย่างประสบความสำเร็จในครั้งนี้ มีกลยุทธ์เริ่มต้นจากอินไซต์ที่ลงลึกถึงกลางใจของคู่รักในช่วงเวลาของ “วาเลนไทน์” ว่าแท้จริงแล้ว “ผู้หญิงเราทุกคนนั้นต่างรู้ดีว่าอยากได้อะไรเป็นของขวัญ แต่ก็ปากหนัก ไม่กล้าเอ่ยหรือบอกแฟนตรงๆ ว่าอยากได้อะไร และก็ยังมีความหวังว่าแฟนจะสรรหาสิ่งนั้นมาให้” ซึ่งเชื่อว่าผู้หญิงหลายๆ ท่านคงผิดหวังตามๆ กัน เพราะฝ่ายแฟนจะหยั่งรู้ได้อย่างไรว่าเธออยากได้อะไร ถ้าไม่บอก JD CENTRAL จึงออกตัวเพื่อทำหน้าที่นั้นแทนผู้หญิงไทย และได้ช่วยให้ผู้หญิงสามารถบอกแฟนได้อย่างเนียนๆ และไม่เขินอาย
แคมเปญนี้สร้างกระแสในวงการโฆษณาไม่น้อย เหล่านักการตลาดและเอเยนซี่โฆษณาต่างแชร์บนโซเชียลและกล่าวถึงความครีเอทีฟของแคมเปญนี้ด้วยกันทั้งนั้น
กิมมิคอยู่ที่ ‘JOY’ Mechanic ของแคมเปญที่สร้างยอดขาย
แคมเปญนี้มีกิมมิคเก๋ๆ อยู่ที่ “JOY” ตัวแทนของ JD CENTRAL ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางแทนใจแอบบอกของขวัญวันวาเลนไทน์ที่อยากได้ให้กับคู่รัก ผ่านการประยุกต์ใช้ระบบ Chatbot และ Targeted Ad อย่างมีประสิทธิภาพ โดยของขวัญชิ้นนั้นจะปรากฎบนเฟซบุ๊ก และอินสตาแกรมของคู่รักผู้ที่ใช้บริการแบบเนียนๆ เพียงแค่คลิกไปที่โฆษณาเชิญชวนให้ร่วมแคมเปญ Targeted Gift ของ JD CENTRAL บนหน้าฟีดเฟซบุ๊กของตัวเอง โฆษณาจะพาไปยัง Messenger เพื่อแชทกับ Messenger Bot โดยบอทจะบอกให้ทำตามขั้นตอนง่ายๆ ตั้งแต่การเลือกของขวัญที่ต้องการ พิมพ์ชื่อเล่นที่รู้กันสองคนกับแฟนของคุณ และเลือกคนเป้าหมายที่ต้องการให้โฆษณาไปปรากฏ หากทำตามเงื่อนไขถูกต้อง (คือทั้ง 2 ฝ่ายต้องเป็นสมาชิกของ JD CENTRAL) โฆษณาพร้อมข้อความบอกของขวัญที่คุณอยากได้ ก็จะไปปรากฏแบบรัวๆ บนหน้าเฟซบุ๊ก และอินสตาแกรมของคนรัก ซึ่งคนรักสามารถกดไปช้อปของขวัญให้แฟนสาวจากโฆษณาใน JD CENTRAL ได้เลย และหลังจากแคมเปญจบไปเมื่อวาเลนไทน์ที่ผ่านมา JD CENTRAL สามารถสร้างปรากฏการณ์สยบปัญหาให้กับเหล่าคู่รักได้สมหวังทั้งคนให้และคนรับมากกว่า 3,000 คู่เลยทีเดียว
3 สัปดาห์ของการเล่นแคมเปญ กับผลลัพท์ที่ได้จากแคมเปญนี้
แคมเปญนี้ ถูกปล่อยในเวลา 3 สัปดาห์ (ช่วงเวลาปกติที่เหล่านักการตลาดมักใช้ปล่อยแคมเปญ) จากวันที่ 17 มกราคม – 10 กุมภาพันธ์ 2562 นอกจากกระแสความครีเอทีฟที่ได้จากแคมเปญนี้แล้ว ยังได้ผลลัพท์เกินคาดหมายอีกด้วย
- แคมเปญนี้เพิ่มจำนวน Engagement เพิ่มขึ้นถึง +314% จากคอนเทนท์ที่โพสต์ลงโซเชียล
- ส่วน engagement ของ Chatbot เองก็เพิ่มขึ้นอีก 55.3% เป็นการต่อยอดจาก Journey ของโพสต์บนโซเชียล
- ภายใน 3 สัปดาห์ มีคู่รักมากกว่า 3,125 คู่ที่ร่วมจอยแคมเปญ
- ส่วนยอดขายนั้นเพิ่มขึ้นถึง 17% เมื่อเทียบกับแคมเปญการตลาดอื่นๆที่ผ่านมา
Message จากผู้บริหาร
“นับว่า JD CENTRAL เป็นแบรนด์แรกในตลาดที่ประยุกต์ใช้ระบบ Targeted Ad แบบใหม่ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะได้อย่างแม่นยำ ซึ่งไม่เคยมีแบรนด์ใดทำได้มาก่อนในประเทศไทย ด้วยการผสานการใช้สื่อแบบ Online Targeting ผ่านอัลกอริทึมของเฟซบุ๊ก ที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถปรับแต่งโฆษณา พร้อมข้อความที่ต้องการได้เอง และกำหนดเป้าหมายโฆษณาให้คนรักของตัวเองเห็นทุกที่แบบ Multi Platform ทั้งบน เฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม เพื่อบอกใบ้ย้ำเตือนถึงของขวัญที่อยากได้ที่สุด ไม่ให้คนรู้ใจพลาดไปซื้ออย่างอื่น ซึ่งตอบพันธกิจหลักของเรา ในการให้ความสำคัญในการสร้างความสุขของประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ให้กับลูกค้าเสมอมา” — รวิศรา จิราธิวัฒน์ ประธานบริหารฝ่ายการตลาด เจดี เซ็นทรัล
บทเรียนการนำเสนอแคมเปญ สู่นักการตลาดไทย
จากแคมเปญของ JD CENTRAL ถือเป็นเคสแคมเปญโฆษณาที่สำคัญ เราได้เห็นแล้วว่า แคมเปญในยุคที่ผู้บริโภคเปลี่ยน เทคโนโลยีมีบทบาทมากขึ้น การคิดแคมเปญโฆษณาจะคิดจากอินไซต์ และต่อยอดด้วยครีเอทีฟอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ บทบาทของครีเอทีฟเอเยนซีจะต้องเข้าใช้เทคโนโลยีมากขึ้น และเสริมด้วยความครีเอทีฟเพื่อสร้างสรรค์แคมเปญให้ประสบความสำเร็จมากขึ้น (Insight + Pain Point + Technology + Creativity) แนวคิดโฆษณารูปแบบใหม่ จะสามารถมุ่งสู่ระดับการสร้างยอดขายได้ทีเดียว ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการโฆษณานั้นสำคัญและจำต้องถูกนำมาประยุกต์ใช้มากขึ้น การนำเสนอแคมเปญในรูปแบบเดิม อาจจะไม่สร้างอิมแพคอีกต่อไป