เชื่อว่าหลายคนคงมีปัญหากับหัวหน้างานไม่มากก็น้อย ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาของการทำงานร่วมกัน เปรียบไปก็เหมือน “ลิ้นกับฟัน” ที่อาจจะต้องมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง
แต่แน่นอนว่าหากจะต้องขัดแย้งกันบ่อยๆ คงไม่ใช่เรื่องสนุก โดยเฉพาะกับตัวลูกน้องด้วยแล้ว คงไม่รุ่งแน่ถ้าต้องเกิดไปปะทะคารมกับหัวหน้างานขึ้นมา
ดังนั้น เราจึงมีข้อแนะนำจาก Keynote Speaker ชื่อดัง Bernard Marr และยังเป็น Influencer คนสำคัญของ LinkedIn อีกด้วย ล่าสุดเขาได้เขียนบทความลงบน LinkedIn เพื่อให้คำแนะนำในการเจรจากับหัวหน้างานว่า สิ่งไหนที่เราไม่ควรจะพูดมากที่สุด หรือพูดแล้วจะเป็นภัยมากกว่าเกิดประโยชน์ ลองมาดูประโยคเหล่านี้กัน
1.หัวหน้าแน่ใจนะ ครับ/คะ ว่าจะทำ….?
คุณคงไม่ต้องการข้ามเส้นไปสอนงานหัวหน้าหรอกนะ บางสิ่งบางอย่างหัวหน้าคุณก็รู้อยู่แล้ว
ก้าวย่างอย่างระวังหากคุณต้องการที่จะให้คำแนะนำใดๆ กับหัวหน้า ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณจำเป็นต้องพูดบางอย่าง ให้ทำเพียงแค่พูดเพื่อขยับเข้าใกล้ประเด็นพอ หรือใช้การสมมุติยกตัวอย่างให้หัวหน้าเห็นภาพว่าในภาพรวมหัวหน้าอาจจะลืมอะไรไป แต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้รู้เรื่องในงานที่ทำเลย
2.หัวหน้ารู้เรื่องนี้ไหม ไหนจะเรื่องนั้นอีก? ก็หล่อน/เขา ทำงานแบบนี้ไม่ได้หรอก!
เก็บเรื่องดราม่าส่วนตัวไว้คุยก็เฉพาะกับเพื่อนฝูงหรือคนในครอบครัวก็พอ เพราะว่าหัวหน้าไม่ต้องการได้ยินอะไรแบบนี้ และไม่อยากจะมารับรู้เรื่องซุบซิบนินทาอะไร และที่สำคัญคือเขาไม่ต้องการรู้ว่าคุณไม่ถูกกับเพื่อนร่วมงานคนไหนด้วย
ถ้าหากไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับว่าพนักงานคนนั้นด้ำผิดร้ายแรงต่อนโยบายบริษัท หรือทำผิดใหญ่ส่งผลเสียหายต่องาน ก็จงเก็บเรื่องส่วนตัวให้เป็นเรื่อง ‘ส่วนตัว’ จริงๆ
3. “ผม/ฉัน ไม่อยากจะรบกวนหัวหน้าในกรณีที่ปัญหามันอาจจะแก้ได้ด้วยตัวเอง…”
ความเสี่ยงในเรื่องนี้ก็คือ ถ้าคุณพูดประโยคนี้ออกไป บางสิ่งอาจจะไปถึงขั้นเลวร้ายลงแล้ว และหัวหน้าคุณก็ไม่เคยรับรู้ถึงสิ่งนี้เลยเพราะว่าคุณไม่ได้ให้คำเตือนอะไรล่วงหน้าก่อนเลย
หัวหน้าส่วนใหญ่ต้องการมากกว่าแค่รู้ว่าอาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นได้ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น ไม่ใช่ปล่อยให้เขาตาบอดคลำหาทางแก้ไขอย่างไม่รู้ทิศทางใดๆ
ดังนั้น เวลาที่คุณจะเตือนถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับหัวหน้า ควรที่จะให้แน่ใจว่ามันจะรวมไปถึงการที่คุณได้นำเสนอทางป้องกันไว้ก่อนแล้วด้วย
4. “ถ้าหัวหน้าไม่ทำนี่ ผม/ฉัน ก็ไม่เอาด้วยเหมือนกัน”
การยื่นคำขาดเป็นไอเดียแย่มาก ในทุกๆ สถานการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคู่สนทนาคุณคือหัวหน้า ซึ่งคุณแน่ใจแล้วหรือว่าเงื่อนไขของคุณมันแทนที่กันได้จริง?
เพราะในความเป็นจริงแล้วการกระทำอย่างนี้มันดูเหมือนเด็กงอแงมากกว่า หรือคนไม่มีวุฒิภาวะ ซึ่งอาจจะทำให้หัวหน้าตัดสินใจเกี่ยวกับคุณได้ง่ายขึ้น เช่นบางทีคุณอาจจะไม่เหมาะกับงานนี้เลยก็ได้
ดีกว่าไหมถ้าขีดเส้นแบ่งในใจของคุณแทน หากว่าคุณต้องการเลิก คุณก็แค่เลิกไป แต่ไม่ต้องขู่
5. “ในฐานะคนรุ่นใหม่ ผม/ฉัน…คิดว่า” หรือ “คนในรุ่นผม/ฉัน คิดว่า…”
ใช่หัวหน้ารู้ว่าคุณเป็นคนหนุ่มสาวกว่าเขา แต่มันเสี่ยงเกินไป เพราะหัวหน้าคุณไม่ต้องการให้ใครมาตอกย้ำในเรื่องอายุของเขา ถ้าไม่ใช่ในกรณีที่เขาถามความเห็นคุณในฐานะคนหนุ่มสาว ดังนั้น อย่าหยิบยกเรื่องอายุหรือยุคสมัยขึ้นมาพูด แต่หากคุณต้องการให้คำแนะนำ และเห็นว่าเป็นผลกำไรกับบริษัทมากกว่าที่จะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ก็ให้พูดออกไปเลย แต่ไม่ต้องเอาความเป็น Millennials มาอ้าง
6. “ทำสิ่งนี้ไม่ได้”
ถ้าหัวหน้าคุณต้องการให้ทำบางอย่าง ซึ่งเขาหรือเธอก็ไม่ต้องการได้ยินว่าสิ่งนี้ทำไม่ได้ ให้เปลี่ยนเป็นว่า บางสิ่งบางอย่างไม่สามารถทำออกมาได้ง่ายๆ แทน แล้วโฟกัสไปถึงสิ่งที่คุณสามารถทำได้ หรือแนะนำให้มีการทำวิจัยก่อน มีการทดสอบหรือการระดมความคิดเห็นไอเดียใหม่ๆ ก่อน แล้วค่อยลงมือทำ
7. ผม/ฉัน ต้องการขึ้นเงินเดือน
เพื่อให้เกิดความชัดเจน คุณควรจะถามถึงการขึ้นค่าตอบแทนเมื่อคุณรู้สึกว่าคุณสมควรได้รับจริงๆ แต่จงระวังไว้ว่าคุณใช้ถ้อยคำแบบไหนในการร้องขอ
เกือบทุกคนที่ต้องการเงินเพิ่มขึ้น แทนที่จะพูดว่าคุณ “จำเป็น” ต้องได้ อาจจะเริ่มจากการที่ร่ายถึงคุณค่าของคุณในบริษัท งานที่คุณทำสำเร็จลุล่วงได้ดี และความรับผิดชอบต่างๆ อีกมากที่คุณมี เพียงเท่านี้นอกจากจะไม่ต้องร้องขอแล้วหัวหน้าอาจจะอยากเพิ่มเงินเดือนให้คุณเลยก็ได้