“ทุกครั้งที่เราเข้าไปอยู่ในธุรกิจอะไร ทุกสิ่งจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง สำหรับ nowhereland เราว่าสิ่งที่จะบอกก็คือ YourNextYou ทำแบบนี้ได้ แล้วจะทำให้ดูว่าเป็นแบบไหน”
บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ YourNextU by SEAC
เป็นคำถามที่เชื่อว่าหลายคนก็คงสงสัยไม่ต่างกันว่า YourNextU ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนาฝึกอบรมบุคคลและองค์กรเกี่ยวโยงอย่างไรกับ nowhereland อีเวนท์ด้านศิลปะการแสดงรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Immersive Theatre โดยให้การสนับสนุนศิลปะร่วมสมัยชิ้นนี้อย่างเต็มที่ ในขณะที่ศิลปะแขนงนี้นำเราไปสู่พาเราไปสู่อะไรได้บ้าง ในยุคที่ผู้คนต้องการความสำเร็จและเติบโตอย่างรวดเร็ว 2 คนสำคัญของทั้งสองค่าย จะมาช่วยไขคำตอบให้เราฟัง
คุณบุ๋ม-บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ YourNextU by SEAC อธิบายว่า YourNextU เรามองว่าตัวเองเป็น ครัวกลาง แล้วเราก็มองหาเชฟเก่งๆ มาทำอาหาร ดังนั้น เราจึงคิดว่าเชฟคนนั้นก็ต้องมีเมนูเด็ด ไม่ใช่มาใช้ครัวเราแล้วมาถามว่าจะเอาวัตถุดิบหรือเครื่องปรุงไปทำอะไร แบบนี้เราขอไม่เอา เพราะเขาต้องรู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไร เขาต้องมีของในหัว ว่าจะปรุงอะไร ในขณะที่มุมของคนทำแบรนด์ดิ้งหรือมาร์เก็ตติ้ง หน้าที่ที่ต้องทำเสมอเลยก็คือ คุณต้องอยู่ข้างลูกค้า (Stay with customers) ดังนั้น การที่เราจะ Stay with customers เราก็ต้องเข้าใจว่า ลูกค้าต้องการอะไร ลูกค้าในแต่ละธุรกิจต้องการอะไร เราก็ต้องนำพาเขาให้ไปเจอสิ่งนั้น ดังนั้น เลยคิดว่าสิ่งที่ nowhereland ครีเอทออกมาวันนี้ มันคือสิ่งที่ทำให้สิ่งที่เป็น Theory สร้างสรรค์ออกมาเป็นมันเป็น Experience ประสบการณ์การเรียนรู้ที่เข้าใจชีวิต ซึ่งแน่นอนว่ามันตรงกับทิศทางของ YourNextU
สมัยก่อนเวลาที่เราพูดเรื่องจิตวิทยามนุษย์ จะเป็นอะไรที่เฉพาะกลุ่มมากๆ มีแต่กลุ่มเนิร์ดๆที่จะเข้าใจได้ แต่เรารู้สึกว่า ถ้าวันหนึ่ง YourNextU เป็นส่วนหนึ่งได้ เราก็จะรู้ว่า เรื่องทักษะของความเข้าใจผู้คนในมุมต่างๆ เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องเรียนรู้เพื่อให้เข้าใจคน ดังนั้น โปรเจ็คต์นี้ มันทำให้คนเข้าใจได้ว่า เรื่องของการเข้าใจคนมัน สามารถปรับเป็นฟอร์มแมตใหม่ๆ ได้ ขณะเดียวกันสิ่งที่ YourNextU เชื่อคือเราพยายามจะบิวด์ การเรียนรู้ในรูปแบบที่ต้องมี Experience ใหม่ๆ เพราะเวลาที่คุณเรียนอะไร การเรียนผ่าน Experience มันจะ Embedded หรือฝังเข้าไปในสมอง แล้วมันจะจดจำได้ง่ายกว่ารูปแบบอื่นๆ ถ้าวันหนึ่ง YourNextU ทำให้เขาเข้าใจโลกนี้ได้ตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย แต่มันจะเปลี่ยนโลกคุณไปได้เลย
“ทุกครั้งที่พี่เข้าไปอยู่ในธุรกิจอะไร ทุกสิ่งจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง nowhereland เราว่าสิ่งที่จะบอกก็คือ YourNextU มันทำแบบนี้ได้ แล้วจะทำให้ดูว่าเป็นแบบไหน”
อย่างไรก็ตาม คิดว่าโปรเจ็คต์นี้คือเป็นโปรเจ็คต์เล็กๆ อาจจะไม่ได้อิมแพ็คใหญ่โตอะไร แต่มุมของเราที่เรามองคือ เรารู้สึกดีมากที่ได้ซัพพอร์ตคนที่มีฝัน เพราะอยากให้เขาได้ทำในสิ่งที่เขาอยากทำ แต่แน่นอนว่า สิ่งที่คุณมีนั้นหรือโปรเจ็คต์คุณจะต้องช่วย enhance แบรนด์และแบรนด์ก็ต้องช่วย enhance คุณด้วย ต่างคนที่ต่างช่วยกัน ซึ่งก็หมายถึงว่า Thinking ของแบรนด์ไปช่วยตรงโปรเจ็คต์นี้และ Thinking ก็ช่วยส่งเรา (แบรนด์) ด้วย
คุณเรโอ-วิชญ์ แสนอาจหาญ ผู้สร้างละครเวที nowherelandTheEden กล่าวถึงการนำศิลปะของละครมาผสมผสานสร้างประสบการณ์การเรียนรู้รูปแบบใหม่ว่า เรามองว่าการเรียนรู้มuอยู่ในทุกแง่มุม ละครเป็นภาพจำลองของโลกเสมือน ถ้าทำให้พื้นที่ของละคร ทำให้พื้นที่ของนักแสดงถูกเบลอเข้าหากัน แล้วเขาได้มีโอกาสเล่นสนุกกับภาพจำลองนั้นมากกว่าแค่เป็นผู้สังเกตการณ์ (Observer) การเล่นแบบนี้จะนำไปสู่การทดลองอะไรใหม่ๆ ในอนาคตได้อีกเยอะ
งานของเราที่ผ่านมามีทั้งอีเวนต์ รายการสื่อ รายการป๋าเต็ดทอล์ก แต่ก็มีความสนใจในศาสตร์ของการเล่าเรื่องและการจัดกระบวนการเรียนรู้ จึงนำสองอย่างนี้มาเมิร์จกัน ทำให้เกิดไอเดียของสิ่งที่เรียกว่า “ชุดประสบการณ์” ที่มันอาจจะเอาศาสตร์ที่เราสนใจมาผนวกเข้ากับศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้และการเติบโตของมนุษย์ ในการรู้จักตัวเองและเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น ซึ่งเราไปพบกับรูปแบบของละครรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า Immersive Theater
สำหรับละครประเภท Immersive Theater คือการเอาเก้าอี้ของคนดูออก แล้วเมิร์จพื้นที่การแสดงกับพื้นที่ของคนดูเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน เหมือนกับว่าโลกของคนดูกับโลกของนักแสดงมันเป็นโลกใบเดียวกันเลย
จากนั้นเราก็พัฒนาไอเดียนั้นมาเป็นสิ่งที่เรียกว่า “ชุดประสบการณ์” เพราะว่าเราไม่อยากระบุว่า มันคือละครเวที หรือเป็น Workshop หรือมันคือ Therapy หรือมันคืออะไร แต่มันเหมือนประสบการณ์หนึ่ง เหมือนแพล็ตฟอร์มๆ หนึ่ง
“เราคือนักสร้างประสบการณ์ไร้รูปแบบ เราอาจจะไม่ได้คิดพาร์ทธุรกิจ แต่เราแค่คิดว่า “เราอยากเป็นนักสร้างประสบการณ์” เราไม่ได้อยากเป็นนักจัดอีเวนท์ ไม่ใช่คนทำละคร ไม่ใช่นักสร้างคอนเสิร์ต แต่เราเป็นนักสร้างประสบการณ์ เพราะฉะนั้นเราก็เลยอยากทำหลายๆ ฟอร์แมทให้เกิดขึ้น”
อย่างตัวผู้ชมเราก็จะไม่เรียกเขาว่า “ผู้ชม” เราเรียกว่าเขาว่า “The Seekers” หรือนักแสวหา เหมือนกับว่าแต่ละคนจะเข้ามาพร้อมกับความสนใจ มาพร้อมกับโจทย์หรืออะไรบางอย่างที่อยู่ในหัวตัวเองมาตั้งแต่ตอนเริ่มต้น และใช้แพล็ตฟอร์มนี้ nowherelandtheEDEN เป็นตัวพาเขาไปเอง แล้วสุดท้ายจะพาเขาไปเจอกับประสบการณ์แบบไหน เราไม่ใช่ผู้สร้างให้เขาแล้ว เขาเป็นคนสร้างมันเอง เพราะประสบการณ์ 90 นาทีที่เข้าเข้ามา เขาจะเป็นคนเลือกว่า จะเดินตามนักแสดงคนไหนไป ในเวลาไหน เขาจะเป็นคนเลือกว่า เขาจะตอบนักแสดงว่ายังไง เขาจะถามอะไรกับตัวนักแสดง เขาจะสร้างประสบการณ์นั้นด้วยตัวเอง แล้วประสบการณ์นั้นจะเกิดขึ้นกับตัวเขาเอง
เมื่อถามว่า ทำไมถึงคิดว่าการสร้างศิลปะรูปแบบนี้จึงเหมาะสมในสถานการณ์ของโลกในปัจจุบัน หรือมองเห็น Pain ของผู้คนในยุคนี้อย่างไร คุณเรโอ กล่าวว่า Painหนึ่งที่คนรุ่นนี้มีร่วมกันอยู่คือ เรามองว่าเรากำลังอยู่ในสถานที่ที่สิ้นหวัง และรู้สึกว่ามันมีสถานที่ที่ดีกว่านี้รอเราอยู่มันถึงมีกระแสของการย้ายประเทศ ดังนั้น ผู้คนจึงค้นหาประสบการณ์ของตัวเองเพื่อให้เห็นว่าพวกเขายังมองเห็นปลายทางของบางอย่างได้
“สำหรับผมเอง ผมอยากให้เขาได้สิ่งที่เรียกว่า glim of hope (แสงแห่งความหวัง) ด้วย ในสภาพแวดล้อมที่ทุกอย่างมันอาจจะดูมืด มันคือ ดอกไม้กลางเปลวเพลิง คำนี้อาจจะดูเวอร์และโลกสวย แต่โดยพื้นฐานคือเราไม่ได้อิกนอร์นะว่า เปลวเพลิงมันไม่ได้เกิดขึ้นในวันที่มีเปลวเพลิง แน่นอนว่าไฟมันเกิดขึ้น แต่มันก็มีดอกไม้ขึ้นอยู่เช่นกัน แต่ผมก็อยากให้เราไปโฟกัสที่ดอกไม้ดอกนั้น ในขณะที่เราก็ aware นะ ว่ามีเปลวเพลิงเกิดขึ้น เราไม่ได้อิกนอร์ว่าไม่มีเปลวเพลิง แต่ก็อยากให้ทุกคนมองเห็นด้วยว่ามันยังมีดอกไม้ เราเป็นเหมือนแสงที่พาคุณไปเห็นว่าท่ามกลางเปลวเพลิงที่คุกรุ่นอยู่นั้น มันก็ยังมีดอกไม้ที่เป็นความหวังอยู่”
เกี่ยวกับ nowhereland: THE EDEN
สำหรับละครเวทีเรื่อง nowhereland: THE EDEN ดินแดนไร้แห่งหน พร้อมให้ทุกคนเข้าไปสัมผัสประสบการณ์การแสดงในรูปแบบ Immersive theatre ตั้งแต่วันนี้จนถึง 2 ตุลาคม 2565 ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
เรื่องราวของการแสดงชุดนี้จะพาผู้ชมร่วมเดินทางไปค้นหาเรื่องราวต่าง ๆ ว่า “ชีวิตนี้…คำถามอะไร ที่วนเวียนอยู่ในหัวของคุณบ่อยที่สุด?” ไม่ว่าจะเป็น คุณมีความสุขครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่? ความสุขของคุณคืออะไรกันแน่? คุณมี Passion อะไรบ้าง? จะเลือกเรียนอะไรต่อดี? เรียนจบแล้วจะทำอะไรต่อไป? ต้องสืบทอดกิจการต่อจากที่บ้าน รู้ตัวอีกทีไม่แน่ใจเหมือนกันว่านี่คือสิ่งที่ตัวเองต้องการหรือเปล่า? ลาออกจากงานดีมั้ย? ฯลฯ
คำถามมากมายที่เราต่างต้องเผชิญและก้าวผ่านในแต่ละช่วงเวลาของชีวิตที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่มีสิ้นสุดเหล่านี้ คือ คำถามที่ละครเวทีเรื่อง nowhereland: THE EDEN โดยเรโอ-วิชญ์ แสนอาจหาญ ผู้เป็น Creator และ Creative Director เลือกมาตั้งคำถาม โดยผู้ชมทุกคนจะได้รับบทบาทเป็น “นักแสวงหา (The Seeker)” ตามหาคำตอบของชีวิต ในรูปแบบที่ไม่ได้เป็นการแสดงแบบที่ผู้ชมเข้ามานั่งชมอยู่ฝั่งหนึ่ง และนักแสดงก็แสดงไปบนเวทีอีกฝั่งหนึ่ง แต่เป็นละครเวทีที่ผู้ชมมีส่วนร่วมไปกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นระหว่างการแสดง หากเราเดินตามนักแสดงคนไหนไป บทสนทนาที่เกิดขึ้นระหว่างนักแสดงและผู้ชมแต่ละคนจะกลายเป็นตัวขับเคลื่อนให้ละครเรื่องนี้ดำเนินไป จุดจบของละครขึ้นอยู่กับผู้ชมแต่ละคนว่าจะขบคิดต่อคำถามที่ถูกโยนเข้ามาใส่อย่างไร จะเป็นการตีความต่อ หรือจะติดตามเรื่องราวของแต่ละตัวละครที่อาจไปบรรจบกับตัวละครอื่น ๆ แล้วทำให้เราได้บทสรุปที่แตกต่างกันออกไปตามมุมคิดและการมีส่วนร่วมกับสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าของผู้ชมแต่ละคน
สำหรับละครเวทีเรื่อง nowhereland: THE EDEN ดินแดนไร้แห่งหน ได้มีผู้ที่จองเข้าร่วมชุดประสบการณ์เต็มจำนวนแล้ว อย่างไรก็ตาม สามารถรอติดตามความคืบหน้ากิจกรรมอื่นๆ หรือผลงานชุดประสบการณ์ใหม่ๆ จากพวกเขาได้อีกที่ https://www.facebook.com/nowhereland.connect