หากพูดถึงองค์กรชั้นนำของประเทศไทย ยิ่งโดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจน้ำมัน และกลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ เชื่อว่าในใจหลายคนคงต้องมี บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือที่รู้จักในชื่อ โออาร์
แต่เส้นทางกว่าจะมาเป็น โออาร์ ไม่ใช่เส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะนอกจากธุรกิจหลักของ โออาร์ อย่างธุรกิจน้ำมันแล้ว โออาร์ ยังพัฒนาและแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ในการทำธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ อีกด้วย หลังจากที่ โออาร์ ได้ปรับเปลี่ยนให้สถานีบริการน้ำมัน PTT Station จากการให้บริการด้านน้ำมันและบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวกับรถยนต์ มาเป็น One Stop Service เพื่ออำนวยความสะดวกเป็นจุดแวะพักสำหรับผู้เดินทาง ซึ่งได้ต่อยอดด้วยแนวคิด Living Community หรือการเป็นศูนย์กลางชุมชน ที่ โออาร์ ออกแบบธุรกิจเพื่อตอบโจทย์แต่ละชุมชนผ่านโครงการต่าง ๆ ที่ส่งเสริมทั้งสิ่งแวดล้อมและสังคม ดังนั้นจึงทำให้ธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ ในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ค่อยๆ เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดนิ่งและมั่นคง และยังเป็นช่องทางใหม่ในการให้บริการลูกค้า จนวันนี้ทั้งธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ รวมถึงธุรกิจอื่น ๆ ของ โออาร์ มีการเชื่อมโยงและต่อยอดกันอย่างลงตัว ด้วยแนวคิด Retailing Beyond Fuel ที่สามารถเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคและชุมชนได้อย่างครบครัน
ธุรกิจหลักต้องดูแล ธุรกิจใหม่ต้องสร้างให้โต
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า โออาร์ มีธุรกิจหลักอย่างธุรกิจน้ำมัน (Oil Business) ที่เราคุ้นเคยกันดีคือการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่สถานีบริการน้ำมัน PTT Station รวมไปถึงผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น PTT Lubricants ผ่านศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto โดยปัจจุบัน โออาร์ มีสถานีบริการน้ำมัน PTT Station กว่า 1,900 แห่งทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563)
เพราะประเทศไทยไม่ได้มีแค่รถยนต์เท่านั้นที่ใช้น้ำมัน อุตสาหกรรมอื่น ๆ อาทิ ภาคการขนส่ง และภาคอุตสาหกรรม ก็เป็นอีกกลุ่มลูกค้าของ โออาร์ นอกจากการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ยังรวมไปถึงการเป็น Energy Solution Provider การเป็นที่ปรึกษาและช่วยแก้ปัญหาด้านพลังงานให้กับลูกค้า นอกเหนือไปจากธุรกิจขายปลีกน้ำมันที่สถานีบริการ
สำหรับธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ (Non–oil Business) ของ โออาร์ ธุรกิจที่โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นร้านกาแฟ “Café Amazon” ที่ปัจจุบันมีกว่า 3,400 สาขาทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563) และยังมีร้านสะดวกซื้อทั้ง 7-Eleven ที่อยู่ในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station และ Jiffy รวมถึงร้านอาหารแบรนด์ต่างๆ อาทิ Texas Chicken, ฮั่วเซ่งฮงติ่มซำ ที่อยู่ในพอร์ตโฟลิโอของ โออาร์ นอกจากนี้ โออาร์ ยังเปิดให้แบรนด์ที่สนใจอย่าง Black Canyon, Chester’s Grill, S&P, The Pizza Company, เจ้าสัว เป็นต้น มาเช่าพื้นที่ในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station อีกด้วย
ด้วยการบริหารอย่างมืออาชีพทำให้ธุรกิจน้ำมันและธุรกิจค้าปลีกของโออาร์เติบโตขยายไปสู่ต่างประเทศ โออาร์ จึงมี ธุรกิจต่างประเทศ ซึ่งมีการขยายไปใน 10 ประเทศ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม จีน สิงคโปร์ โอมาน ญี่ปุ่น และมาเลเซีย โดยธุรกิจต่างประเทศของ โออาร์ ประกอบด้วยสถานีบริการน้ำมัน PTT Station 329 แห่ง ร้านกาแฟ Café Amazon 272 สาขา ร้านสะดวกซื้อ Jiffy 86 สาขา และศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto 4 สาขา (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563)
เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปธุรกิจจึงต้องเปลี่ยนแปลง
เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป สถานีบริการน้ำมัน PTT Station ก็ได้ปรับตัวและเปลี่ยนแปลงไปด้วย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ได้ตรงใจที่สุด ภายใต้แนวคิด Customer Centric
โออาร์ จึงพลิกโฉมรูปแบบสถานีบริการน้ำมัน ซึ่งถือเป็นการปรับแนวคิดการทำสถานีบริการน้ำมันไปอย่างสิ้นเชิง โดยล่าสุดได้ปรับปรุงสถานีบริการน้ำมัน PTT Station พัฒนาต่อยอดจากการเป็นสถานีบริการน้ำมันที่มีสินค้าและบริการหลากหลายตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของผู้บริโภค มาใช้แนวคิด Living Community ที่คำนึงถึงความต้องการและสร้างประโยชน์ให้แก่ชุมชนโดยรอบ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังออกแบบสถานีบริการน้ำมัน PTT Station โดยใช้แนวคิด “Friendly Design” ที่เน้นการออกแบบดีไซน์ให้เป็นสถานที่ที่เหมาะกับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกสภาพร่างกาย ให้เข้ามาใช้บริการได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย รวมไปถึงการเปิดพื้นที่ให้เกษตรกรเข้ามาใช้พื้นที่จำหน่ายสินค้าได้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย หรือการเป็นศูนย์กลางการช่วยเหลือเมื่อชุมชนประสบความเดือดร้อน
เทคโนโลยีในธุรกิจน้ำมันเพื่อคุณภาพที่ดีที่สุด
โออาร์ได้นำระบบบริหารจัดการ Inventory เข้ามาช่วยให้สามารถคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันได้อย่างแม่นยำ โดยทำงานร่วมกับระบบ Point-of-Sale ที่สามารถตรวจสอบยอดขายและยอดการรับน้ำมันได้แบบ Real time เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารปริมาณน้ำมันสำหรับจำหน่ายที่สถานีบริการน้ำมันให้เพียงพอต่อความต้องการ
นอกจากนี้ ระบบบริหารจัดการ Inventory ยังสามารถเชื่อมต่อไปกับระบบขนส่ง ช่วยให้สามารถกำหนดเที่ยวรถขนส่ง ชนิดน้ำมัน และปริมาณน้ำมันแต่ละชนิดไปยังสถานีบริการน้ำมันที่แตกต่างไปในแต่ละแห่ง ช่วยเตรียมความพร้อมให้กับสถานีบริการน้ำมันแต่ละแห่งได้ ถือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในแต่ละกระบวนการที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย ถูกต้อง และป้องกันการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นต่อการดำเนินธุรกิจ
ในด้านความปลอดภัย ผลิตภัณฑ์ก๊าซหุงต้มของ โออาร์ ภายใต้แบรนด์ว่า ก๊าซหุงต้ม ปตท. ที่ครองใจครัวเรือนไทยมาอย่างยาวนาน ก็ใช้เทคโนโลยีเพิ่มความปลอดภัยด้วยระบบ Check Lock Valve ที่วาล์วจะหยุดทำงานทันที เมื่อพบสายท่อก๊าซหลุดจากหัวจ่าย
โออาร์ กับ Business Transformation หัวใจหลักในธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ คือ DATA
เทคโนโลยีที่โออาร์นำมาใช้ ไม่ได้ใช้เพียงที่สถานีบริการน้ำมันเท่านั้น แต่ยังมีการใช้เทคโนโลยีในการจัดเก็บข้อมูล (DATA) โดยเฉพาะระบบบัตรสมาชิก Blue Card ที่สามารถสะสมคะแนนจากการเติมน้ำมันและการใช้จ่ายผ่านธุรกิจค้าปลีกทั้งในและนอกสถานีบริการน้ำมัน โดยปัจจุบันมีสมาชิกประมาณ 6.7 ล้านราย (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563) ด้วยปริมาณข้อมูลมหาศาลในระบบบัตรสมาชิก Blue Card ก่อให้เกิด BIG DATA ซึ่งจะถูกนำไปวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อค้นหากลยุทธ์ในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าเป็นรายบุคคล (Individualized Experience) นอกจากนี้ยังช่วยให้ โออาร์ ทราบว่าสินค้าและบริการใดกำลังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค และสามารถนำเสนอโปรโมชั่นที่ตรงใจผู้บริโภคแต่ละราย
บริการเชื่อมระหว่าง O2O แผนการรองรับอนาคต
เพราะส่วนใหญ่ธุรกิจ และบริการของ โออาร์ อยู่ในรูปแบบ Offline แต่มีการใช้งานในระบบสมาชิกผ่านระบบ Online ทำให้ โออาร์ เล็งเห็นถึงการใช้งานที่ผสานรูปแบบ Online และ Offline เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างประสบการณ์ในการใช้งานของผู้บริโภค (Customer Experience) อย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น Personalized Marketing Promotion หรือ Loyalty Program ต่างๆ
โดยบริการต่างๆ ถูกพัฒนาขึ้นมาจาก BIG DATA ของ Blue Card พร้อมด้วยระบบ Blue Connect ที่รองรับการชำระเงินในแบบ Cashless Society
รถไฟฟ้า (EV) ยานยนต์แห่งอนาคต
นอกจากการใช้ BIG DATA แล้ว โออาร์ ยังมองไปในอนาคตที่แนวโน้มยานยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังจะกลายเป็นยานพาหนะหลักในอนาคต โออาร์ จึงมีแผนในการเพิ่มการให้บริการ EV โดยเฉพาะการให้บริการ EV Charging Station ที่สถานีบริการเพิ่มเติมจากที่ปัจจุบันได้เริ่มเปิดให้บริการเรียบร้อยแล้วในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station 25 แห่ง (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563)
นอกจากการเตรียมความพร้อมด้านสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) แล้ว โออาร์ ยังเตรียมปรับธุรกิจซ่อมบำรุงเบื้องต้นสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ FIT Auto และลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับความต้องการด้านการใช้พลังงานเพื่อรองรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในอนาคตอีกด้วย
และเพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนมีโอกาสเป็นเจ้าของกับความภาคภูมิใจในบริษัทไทยระดับมาตรฐานสากล โออาร์ จึงเตรียมการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (Initial Public Offering หรือ IPO) เร็วๆ นี้ ซึ่ง โออาร์ ได้รับการอนุมัติคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่จากสำนักงาน ก.ล.ต. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะสามารถเสนอขายหุ้นได้เมื่อร่างหนังสือชี้ชวนมีผลบังคับใช้ พบกับ #หุ้นโออาร์ หนึ่งในบริษัท Flagship ที่เรียกได้ว่าโดดเด่นและกำลังโตวันโตคืนของ กลุ่ม ปตท. ได้เร็วๆ นี้
#โออาร์ #หุ้นโออาร์ #OR