#ของจริงไม่ต้องพูดเยอะ
เป็นเวิร์ดดิ้งสำหรับคนที่เป็นแฟนรายการ The Face Thailand ทราบดีว่ามาจาก “ควีนบี” บี น้ำทิพย์ เมนเทอร์คนเก่งในรายการนั่นเอง แต่วันนี้คงไม่ได้มาพูดเรื่อง The FaceThailand นะคะ แต่จะมาพูดประเด็นเรื่องการทำการตลาดที่สามารถบอกคุณได้ในประโยคเด็ดที่ว่า #ของจริงไม่ต้องพูดเยอะ ว่าเป็นอย่างไร
ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลายคนก็คงต้องผ่านหูผ่านตามาบ้างกับประเด็นที่ว่า ดื่มน้ำยี่ห้อหนึ่งแล้วอารมณ์ดี หัวเราะทั้งวัน หัวเราะลั่น หัวเราะหนักมาก ถ้ากินน้ำจากแบรนด์นี้ ซึ่งในตอนแรกจะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จก็ยังไม่มีใครทราบได้ แต่เมื่อมีผู้จุดกระแสก็ย่อมต้องมีการท้าทายพิสูจน์ความจริง ลองดูว่าเป็นไปอย่างที่เขาพูดหรือไม่ จนกระทั่งเกิดกระแส #น้ำหัวเราะ จากแบรนด์ดังกล่าวกลายเป็นไวรัลที่ใครๆ ก็ต้องขอพิสูจน์เสียหน่อย ไม่ว่าจะรู้หรือไม่รู้อยู่ในอกก็ตามว่ามันคืองาน ‘การตลาด’ แต่หลายคนก็อยากที่จะท้าทายความจริงว่าเป็นไปตามกระแสในออนไลน์หรือไม่
และสุดท้าย ทุกอย่างก็ค่อยๆ ดรอปลง หลายคนเริ่มพิสูจน์แล้วว่าไม่น่าจะจริงอย่างที่มีการเริ่มต้นปลุกกระแสกัน กลายเป็นสิ่งที่ย้อนกลับมาที่แบรนด์ทันทีว่า ทำอะไร เหตุใดจึงปั้นกระแสนี้ให้เกิดขึ้น ทั้งๆ ที่ไม่เป็นความจริง จากที่กระแสดรอปกลายเป็นกระแสเพิ่มขึ้นอีก แต่เป็นในทิศทางตรงกันข้าม กลายเป็นเสียงด้านลบทันที และก่อนที่จะไปไกล หน่วยงานภาครัฐ โดย อย.ก็ได้ยื่นมือเข้ามา โดยระบุว่ามีคำสั่งให้ระงับการโฆษณาและเชิญผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินการทางกฎหมาย หลังจากที่พบว่ามีการโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้เข้าข่ายทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด (คลิกอ่านเพิ่มเติม)
ในขณะเดียวกัน คงจำกันได้กับกระแสคล้ายๆ กันของ เครื่องดื่มที่ดื่มแล้วถ่ายคล่อง บ้างก็ว่ากลายเป็นยาระบายอย่างดี ซึ่งเป็นกระแสต่อเนื่องมานับเดือนแล้ว เป็นงานไวรัลที่อาจจะค่อยๆ มาแต่กลับอยู่ทนนาน อยู่เรื่อยๆ แถมยังกระแสที่กระหึ่มขึ้นอีกด้วย ซึ่งไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะด้วยงานสร้างจากการตลาดก็ดี หรืองานที่เกิดจากผู้บริโภคโดยแท้ก็ดี แต่ปรากฏว่ากระแสก็ไม่ตก ผู้คนก็ยังพูดต่อเนื่องว่ากินแล้วถ่ายท้องดีจริง หรือบางคนทานแล้วไม่ถ่ายท้อง แต่ก็ชื่นชอบในรสชาติก็หาซื้อมาดื่มกัน จนครั้งหนึ่งเคยขาดตลาดไปเลย หรือบางร้านก็มีผู้คนมาต่อคิวเข้าซื้อกันอย่างต่อเนื่อง
หรือสิ่งนี้อาจจะเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจได้ว่า ต่อให้การตลาดดีแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วถ้าสินค้าหรือบริการนั้นๆ ไม่เป็นไปตามความจริงหรือไม่เป็นตามคำโฆษณาที่บอกไว้ ข้อเท็จจริงก็จะพิสูจน์ตัวของมันเอง อีกทั้งผู้บริโภคและสังคมก็จะเป็นผู้ร่วมตัดสินด้วยว่าคุณจะไปได้ไกลแค่ไหน
เพราะฉะนั้น สิ่งนี้อาจจะกลายเป็นบทเรียนที่สำคัญของเหล่านักการตลาด แบรนด์ เอเจนซี่ หรือหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่า การทำการตลาดที่ดีจริงจะต้องขึ้นอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงด้วย การสร้างกระแสให้เกิดขึ้น แน่นอนว่าหลายแบรนด์ก็มีการทำกัน แต่ถ้าทำขึ้นในแบบไร้พื้นความจริง นอกจากจะไม่ยั่งยืนแล้วก็อาจจะเป็นกระแสด้านลบที่ผู้คนจะจดจำแบรนด์ของคุณอีกแบบไปอีกนาน ดังนั้น การทำการตลาดในแบบยั่งยืนและสร้างคุณค่ากับแบรนด์น่าจะดีกว่ากระแสทอล์คแค่ชั่วคืนแล้วก็หายไปตลอดกาล
แต่สุดท้ายแล้วก็เชื่อในปรัชญาของขุ่นแม่บีนะคะ #ของจริงไม่ต้องพูดเยอะ ก็น่าจะจริงก็ได้.
Copyright © MarketingOops.com
