ก้าวข้าม 34 ปี สู่บทใหม่ของ ‘Hatari’ ชู 3 กลยุทธ์ ‘Customer Centric’ ตอบรับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

 

Cover-Hatari_0

กว่า 34 ปีแล้ว ที่ ‘ฮาตาริ’ มอบ ‘สายลมแห่งความสุข’ (Wind of Happiness) สู่คนไทยทุกบ้านทุกเรือน โดยเรื่องราวของฮาตาริเริ่มต้นจากความมุ่งมั่นของ ‘คุณจุน วนวิทย์’ ผู้ก่อตั้งแบรนด์จากร้านซ่อมพัดลม ก่อนจะริเริ่มเปลี่ยนโฉมพัดลมเหล็กเทอะทะ ให้กลายเป็นพัดลมพลาสติกอันทันสมัย สะดวกต่อการใช้งาน ที่เราคุ้นชินกัน

จากจุดเริ่มต้นอันเรียบง่าย สานต่อสู่ความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยการนำของ ‘คุณศิริวรรณ พานิชตระกูล’ และ ‘คุณวิทยา พานิชตระกูล’ สองผู้นำรุ่นที่สองที่ได้นำวิสัยทัศน์ของคุณพ่อ มามุ่งมั่นสร้างสายลมแห่งคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยจนเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย และขึ้นแท่น Top of Mind เบอร์ต้นด้านพัดลม

ในวันนี้ Hatari กับยุค ‘Gen 3’ โดย ‘คุณจอยซ์-ทัศน์ลักษณ์ พานิชตระกูล’ และ ‘คุณแจส-ชัญญา พานิชตระกูล’ สองผู้บริหารรุ่นใหม่ ผู้สืบทอดเจตนารมณ์ นำพาฮาตาริ ก้าวสู่ยุคดิจิทัล เดินหน้ายกเครื่อง Movement ของแบรนด์ใหม่ทั้งหมด นำนวัตกรรมความเย็น ผสานการออกแบบใหม่ในสินค้าทุกไลน์ ตอบสนองไลฟ์สไตล์ และความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องของผู้บริโภค 

 

Hatari-01
คุณแจส-ชัญญา พานิชตระกูล (ซ้าย) – คุณจอยซ์-ทัศน์ลักษณ์ พานิชตระกูล (ขวา)

 

จาก ‘สายลมแห่งความสุข’ เป็น ‘สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง’ – เปลี่ยนโฟกัสจาก ‘ลม’ สู่ ‘อากาศ’

 

“หลายปีที่ผ่านมา เราเห็นแล้วว่าพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงเร็ว และหลากหลายมากขึ้น จุดยืนของฮาตาริ ไปจนถึงกลยุทธ์ธุรกิจ ก็ต้องเปลี่ยนเช่นกัน และต้องเปลี่ยนให้เร็วกว่าเทรนด์ในอนาคตจะมาถึงด้วย เพื่อให้ฮาตาริยังคงสามารถผสานเข้ากับวิถีชีวิตของคนทุกเจนได้ และเติบโตขึ้นไปพร้อมกัน ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง หรือ The Wind of Change”

คุณชัญญา ได้เล่าถึงทิศทางของแบรนด์ ณ ตอนนี้ ที่เล็งขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z นอกจากนี้ยังเปลี่ยนโฟกัสของแบรนด์จาก ‘ลม’ สู่ ‘อากาศ’ หมายความว่า ฮาตาริจะไม่ได้หยุดอยู่แค่การสร้างลมที่เย็นสบาย แต่จะสร้างอากาศที่ดี เพื่อยกระดับชีวิตของลูกค้าด้วย เราจึงจะเห็นได้ว่าฮาตารินั้นไม่ได้มีโปรดักต์พัดลม แต่จะมีไลน์เครื่องฟอกอากาศเข้ามาด้วย

คุณทัศน์ลักษณ์ ยังกล่าวเสริมอีกว่า เพื่อตอบรับกับทิศทางใหม่ของแบรนด์ และสร้างสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้จริง นับจากนี้ ฮาตาริจะเดินหน้ารีแบรนด์ผ่าน 3 กลยุทธ์อย่างเต็มรูปแบบ 

 

1. Consumer at Heart มุ่งเน้นออกผลิตภัณฑ์ที่ทั้งตอบโจทย์ แก้ปัญหา และยกระดับ

 

Hatari-03
คุณแจส-ชัญญา พานิชตระกูล

 

เมื่อผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงตลอด แบรนด์จึงไม่สามารถยืนอยู่กับที่ และนำเสนอจากตัวเองเพียงอย่างเดียวได้ กลยุทธ์ ‘Consumer Centric’ จึงเป็นหัวใจสำคัญของหลายธุรกิจ เช่นเดียวกับ ฮาตาริ เพื่อนำลูกค้ามาเป็นศูนย์กลาง เพื่อออกสินค้า และบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านั้น ไปจนถึงการแก้ปัญหา Pain Point ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันด้วย

โดยกลยุทธ์ ‘Consumer at Heart’ จะแบ่งออกได้เป็น 6 ข้อ ดังนี้

– Enhance: สามารถทำให้ชีวิตลูกค้าดีขึ้น 

– Optimised Space: ต้องสอดรับกับลักษณะที่อยู่อาศัยทุกรูปแบบ 

– Nuturing air: ต่อเนื่องจาก Movement ใหม่ของแบรนด์ที่หันมาโฟกัสเรื่องอากาศที่สร้างสุขภาพที่ดี เช่น การรับมือกับฝุ่น หรือเชื้อโรคในอากาศ

– Ease of use: ลูกค้าสามารถใช้งานสินค้าได้เต็มประสิทธิภาพ ตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น

– Evolving Functionality: มีฟังก์ชันมากกว่าหนึ่งอย่าง เช่น พัดลม ที่เป็นของตกแต่งบ้านได้ด้วย

– Supporting Service: บริการหลังการขายต้องพร้อม ไม่ใช่แค่การรักษาความชื่นชอบของลูกค้า แต่ยังเป็นการยืดอายุของตัวสินค้า ไม่ให้กลายเป็นขยะที่ต้องทิ้งด้วย เพื่อตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อมที่ทางฮาตาริให้ความสำคัญด้วย 

 

2. Product Design เมื่อการออกแบบที่ดี คือหนึ่งในรูปแบบการสื่อสารกับลูกค้า

 

Hatari-02
คุณจอยซ์-ทัศน์ลักษณ์ พานิชตระกูล

 

คุณทัศน์ลักษณ์แชร์ว่า จากผลการสำรวจ และวิจัยโดยทีม R&D ทำให้เห็นอินไซต์หลายอย่างที่แสดงว่าความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนไปจริงๆ เช่น ในอดีตคนในชุมชนเมืองชอบพัดลมที่มีสีสันฉูดฉาด แต่ปัจจุบันจะเป็นกลุ่มผู้สูงอายุแทน ในขณะที่กลุ่มคนในเมืองหันมาชื่นชอบพัดลมดีไซน์มินิมอล เพื่อให้เป็นหนึ่งในของตกแต่งบ้านที่ไม่โดดออกมาจากเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ 

เพราะในเมื่อพัดลมก็คือพัดลม แล้วฮาตาริจะแตกต่างจากแบรนด์อื่นได้อย่างไร กลยุทธ์ด้าน Product Design จึงเรียกได้ว่าสำคัญมาก ไม่เพียงแต่เรื่องการตอบโจทย์การใช้งาน แต่ยังแสดงความใส่ใจที่ฮาตาริใส่ลงไปในสินค้าทุกตัว แม้จะเป็นแค่ดีเทลเล็กๆ ก็ตาม โดย DNA ของผลิตภัณฑ์ฮาตาริ สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 แกน คือ

– Form: ลักษณะภายนอกของสินค้าที่ทันสมัย และทนทาน

– Details: รายละเอียดต่างๆ ที่ต้องสื่อข้อความจากแบรนด์ สู่ลูกค้า

– CMF (Colour, Material, and Finish): ตรงกับความชอบของลูกค้า และตอบโจทย์การใช้งานจริง

– Interaction: วิธีที่ลูกค้าใช้งานสินค้าตัวนั้น ไปจนถึงความรู้สึกที่ได้ใช้งาน

คุณทัศน์ลักษณ์มองว่าเพื่อให้กลยุทธ์ด้านดีไซน์สามารถตอบโจทย์ทิศทางของแบรนด์ฮาตาริต่อจากนี้ได้ สินค้าฮาตาริทุกตัวจะต้องรีดีไซน์ใหม่ และออกแบบมอเตอร์ใหม่ทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันสามารถทำสำเร็จไปได้ 50% แล้ว ซึ่งตั้งเป้าไว้ว่าจะสำเร็จ 100% ทั้ง 70 SKU ในปี 2026 โดยปัจจุบันมีฮาตาริโรงงานผลิตขนาดใหญ่ 3 แห่งที่ผลิตชิ้นส่วนถึง 90% ด้วยตนเอง เป้าหมายในการรีดีไซน์สินค้าทั้งหมดจึงเกิดขึ้นได้จริง

 

3. Branding Communication – ทำให้ดีแล้ว ต้องสื่อสารออกมาให้เป็นด้วย

 

ตลอดเวลาที่ผ่านมา นับจากรุ่นแรกอย่างคุณจุน เราจะเห็นได้ว่าฮาตาริเป็นแบรนด์ที่สื่อสารกับสังคม หรือผู้บริโภคค่อนข้างน้อย ซึ่งนอกจากโฆษณาทีวีแล้ว เราก็จะไม่ค่อยเห็นฮาตาริในช่องทางอื่นเท่าไหร่นัก หรือกระทั่งทางผู้บริหารเองก็ตาม

คุณชัญญาเล่าว่า เป็นเรื่องน่าเสียดายเหมือนกันที่ก่อนหน้านี้ ฮาตาริไม่ได้ออกมาสื่อสารตัวแบรนด์เท่าไหร่ แต่สำหรับตัวเธอเองมองว่าการจะออกมาพูดอะไรบางอย่าง เช่น ความสำเร็จของแบรนด์ นั่นแปลว่าต้องทำสำเร็จแล้วจริงๆ หรือแม้จะเป็นเพียงทิศทาง ก็ต้องเป็นทิศทางที่ชัดเจน หรือทำไปจนถึงจุดที่จะสามารถออกมาพูดได้อย่างภูมิใจ

ในวันนี้ที่ฮาตาริทำได้อย่างที่เคยพูดไว้แล้ว ทั้งเรื่องความสำเร็ของแบรนด์ที่ครองส่วนแบ่งเกือบ 80% ในตลาดพัดลมไทย ปี 2023 ด้วยยอดขาย 7.5 ล้านยูนิต จากทั้งหมดราว 10 ล้านยูนิต สร้างยอดขายกว่า 7,000 ล้านบาท พร้อมคาดการณ์ว่าปีนี้จะโตขึ้น 10% และยังเป็นพัดลมที่มีชื่อเสียง และครองใจคนไทยมาอย่างยาวนาน จึงถึงเวลาแล้วที่ฮาตาริจะออกมาสื่อสารกับผู้บริโภคให้มากขึ้น

ไม่ใช่แค่การสื่อสารด้านความสำเร็จเท่านั้น แต่ฮาตาริยังได้ออกแคมเปญสื่อสารการตลาด อย่าง ‘คนติด COOL’ ที่นับว่าเป็นครั้งแรกของฮาตาริในการผลิตพัดลมขนาดพัดลมพกพา เพื่อตอบโจทย์ชีวิตกลางแจ้งของคนไทย โดยจัดกิจกรรมมัดใจแฟนด้อมศิลปิน ‘แบมแบม’ ออกพัดลมพกพาสีเขียวมะนาวแบบพิเศษ พร้อมแฮชแทก ‘อากาเซ่ติด COOL’ และได้รับกระแสตอบรับที่ดีเกินความคาดหมาย 

ยิ่งกว่านั้น ในเดือนมิถุนายนนี้ ฮาตาริเตรียมปล่อยแคมเปญใหม่ ในชื่อ ‘Shaped By Wind #พัดไทยให้ไกลกว่าเดิม’ ซึ่งเป็นการเล่าเรื่องราวของฮีโร่คนไทยในหลากหลายสายอาชีพ แสดงจุดยืนในการเป็นแบรนด์ที่จะพัดพาพลังบวกสู่สังคมไทย เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจอีกมากมาย

 

Hatari-04

 

Roadmap in 2024 – Rebrand to ‘New Hatari’

 

ในปี 2024 นี้ ฮาตาริเดินหน้าขยายฐานลูกค้าออกไปในกลุ่มเจนอื่นๆ โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z ที่ตั้งเป้าให้ฐานกลุ่มนี้โตขึ้น 40% แต่ยังไม่ลืมกลุ่มคนอายุ 40 ขึ้นไปซึ่งเป็นฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่สุด ผ่านดีไซน์สินค้าที่ออกแบบใหม่หลากหลายรูปแบบ ซึ่งจะตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยใน Living Space แบบใหม่ๆ ไปจนถึงการสื่อสารทางการตลาดที่เราจะได้เห็นหน้าเห็นตาฮาตาริกันบ่อยมากขึ้น 

นอกจากนี้ยังเตรียมเสริมแกร่งด้านช่องทางการขาย โดยฮาตาริจะเน้นช่องทางออนไลน์มากขึ้น สอดรับเทรนด์ยุคดิจิทัล ผ่านคู่ค้า และแพลตฟอร์มชั้นนำต่างๆ ซึ่งไม่ใช่แค่ในไทยเท่านั้น แต่ยังเตรียมขยายสู่ต่างประเทศเพิ่มจาก ลาว กัมพูชา พม่า และเวียดนาม สู่ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย

 

Movement สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ ก็ได้ทำให้เราเห็นแล้วว่า ฮาตาริเดินทางมาสู่อีกไมล์สโตนแห่งความสำเร็จของแบรนด์แล้ว ซึ่งนับว่าเป็นไมล์สโตนที่ 3 ที่เราจะได้เห็นความเคลื่อนไหวใหม่ๆ ที่น่าสนใจจากฮาตาริกันอย่างแน่นอน 


  •  
  •  
  •  
  •  
  •