ถ้าบอกว่าเครื่องดื่มที่มาแรงไม่แผ่วเลยตั้งแต่ก่อนโควิดจนถึงตอนนี้ก็คงเป็น “ชานมไข่มุก” ที่ยังมีผู้เล่นหน้าเก่าและใหม่แวะเวียนเข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในแบรนด์ที่ถ้าพูดปั๊ปนึกออกทันที กับแบรนด์ดิ้งที่เด่นชัดของความแซ่บซ่าประหนึ่งตัวมัมตัวแด๊ดดี้ก็คือ GAGA ด้วยแบรนด์ที่โดดเด่นมองจากดาวอังคารก็รู้ว่านี่คือ GAGA มาแต่ไกล ไม่น่าเชื่อว่าได้เดินทางมาถึงปีที่ 5 แล้ว ขณะที่มาอยู่ใต้ร่มใหญ่ที่แข็งแรงของ “ไมเนอร์ ฟู้ด” เป็นเวลา 1 ปีอย่างรวดเร็ว GAGA ปรับเปลี่ยนไปอย่างไร และวางกลยุทธ์ทิศทางเพื่อการเติบโต อย่างไรบ้าง คงจะฟังจากใครไม่ได้นอกจาก “อนุพนธ์ นิธิยานันท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท กาก้า เบฟเวอร์เรจส์ (ประเทศไทย) จำกัด
เสริมพอร์ตขนมหวาน เติมเต็มให้บริษัทแม่
จากความนิยมของชานมไข่มุก “ไมเนอร์ ฟู้ด” ตัดสินใจเข้าซื้อกิจการชาไข่มุก GAGA (กาก้า) เมื่อปลายปี 2565 ที่ผ่านมา ในสัดส่วนหุ้น 50.1% ในบริษัท กาก้า เบฟเวอร์เรจส์ (ประเทศไทย)
โดยการที่ไมเนอร์ฯ สนใจในตลาดชานมไข่มุก มีอยู่สองวิธีที่จะทำตลาด หนึ่งคือถ้าไม่สร้างเองก็ต้องซื้อกิจการ ซึ่งถ้าเป็นอย่างแรกต้องใช้เวลานาน แต่ในตอนนั้นตลาดชานมเติบโตไปมากแล้ว ดังนั้น ทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือการซื้อกิจการ ซึ่งในตลาดก็มีอยู่หลายแบรนด์ด้วยกัน สำหรับ GAGA นั้น เป็นแบรนด์ที่โดดเด่นและน่าสนใจ พร้อมกับการที่ทางไมเนอร์ฯ เอง ก็ต้องการเอาธุรกิจชานมไข่มุกมาเสริมพอร์ตธุรกิจขนมหวาน เพราะเดิมธุรกิจนี้มีแค่ 2 แบรนด์เท่านั้น และยังไม่มีกลุ่มเครื่องดื่มเลย จุดนี้ก็ค่อนข้างทำให้พอร์ตฟูลฟีลมากขึ้น
สิ่งที่สำคัญคือ GAGA คือแบรนด์ที่มีคาแร็คเตอร์ที่ชัดเจน มีความเท่ มีความแซ่บ ดังนั้น จึงวางโพสิชั่นไว้ว่าเป็นแบรนด์เครื่องดื่มพรีเมียม บนแท็กไลน์ที่บอกว่า Attitude In A Cup เพื่อสร้างจุดยืนที่แตกต่างในตลาด
ขยายตลาดสู่ต่างจังหวัดหัวเมือง ก่อนพาไปโกอินเตอร์
ปัจจุบัน GAGA มีสาขารวม 37 แห่ง ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่ “ไมเนอร์” เข้ามาดูแล ก็ได้ทำการขยายสาขาทั้งหมด 15 แห่ง ซึ่งอีก 2 เดือนสุดท้ายของปีเตรียมเปิดอีก 4 แห่ง ทำให้ในสิ้นปีนี้จะมีสาขารวมทั้งหมด 41 แห่ง ได้เปิดสาขาต่างจังหวัดเป็นครั้งแรกที่เซ็นทรัลฯ พัทยา และแพชชั่นฯ ระยอง สำหรับปีหน้าก็มีเป้าหมายที่จะขยายสาขาเพิ่มอีกเท่าตัว แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 10 สาขา และต่างจังหวัด 10 สาขา กระจายตามศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน และคอมมูนิตี้มอลล์
“สิ่งที่เรามองว่าเป็นโอกาสในการเติบโตที่ดี คือการขยายไปต่างจังหวัด เราพบว่าคนต่างจังหวัดพร้อมที่จะให้การตอบรับกับชาไข่มุกพรีเมียมแล้ว แต่อาจจะทดลองไปจังหวัดใกล้ๆ หรือหัวเมืองใหญ่ก่อนก็เป็นได้”
นอกจากในเรื่องการขยายสาขาแล้ว ในฐานะบริษัทแม่ ไมเนอร์ฯ ใช้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของเชนร้านอาหารรายใหญ่ เข้ามาช่วยในเรื่องการปรับโครงสร้าง และปรับเรื่องระบบโลจิสติกส์ต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเมื่อขยายไปต่างจังหวัดไปสมบูรณ์ ก็เตรียมพร้อมที่จะขยายไปต่างประเทศอย่างแน่นอน
ทิศทางและเป้าหมายความสำเร็จ
ในตอนท้าย “อนุพนธ์” กล่าวถึงทิศทางและอนาคตของ GAGA ว่า ด้วยความที่ตลาดชาไข่มุกเป็นตลาดเดียวที่เติบโตในช่วงโควิด เพราะยังสามารถสั่งเดลิเวอรี่ได้ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าตลาดนี้เป็นตลาดที่แข่งกันอย่างดุเดือด เป็น Red ocean ที่แข่งกันสูงมาก ดังนั้น การจะทำให้แบรนด์พร้อมสู้ในสนามนี้ได้ ถ้าไม่ทำให้แมสก็ต้องพรีเมียมขึ้นไป
ดังนั้น ไมเนอร์ฯ จึงวางเป้าหมายให้ GAGA เป็นแบรนด์เครื่องดื่มที่มีคาแรกเตอร์โดดเด่น ชัดเจนที่สุด พร้อมกับการอัปเสกลขยายสาขาให้ได้ทั่วประเทศ เพื่อป้าหมายการสร้างมาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 รวมไปถึงการเติบโตแบบ 2 digi ทุกๆ ปี จึงจะเรียกว่าเราได้พาแบรนด์ไปถึงความสำเร็จ ซึ่งเรามั่นใจว่า ด้วยศักยภาพของไมเนอร์ฯ เราได้ทำได้อย่างแน่นอน.